วัยรุ่นอเมริกันเผาธงชาติเย้ยทรัมป์ หลังว่าที่ผู้นำทวีตขู่ “จับ-ถอนสัญชาติ”

กลุ่มนักเคลื่อนไหวซ้ายจัดนัดรวมตัวเผาธงชาติสหรัฐฯ ที่ด้านหน้าโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล ในนครนิวยอร์กเมื่อวันอังคาร (29 พฤศจิกายน) เพื่อท้าทายคำขู่ของว่าที่ประธานาธิบดีซึ่งระบุว่าการเผาธงชาติจะมีโทษตามกฎหมาย

สื่อสังคมออนไลน์ในสหรัฐฯ ก็ร้อนแรงไปด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ หลังจาก ทรัมป์ ได้ทวีตข้อความว่า พวกที่นำธงชาติสหรัฐฯ มาเผาควรมีโทษจำคุก 1 ปี หรือไม่ก็ถูกถอนสัญชาติ

คำพูดยั่วยุของ ทรัมป์ เรื่องการเผาธงชาติและอื่นๆ ได้กลายเป็นประเด็นร้อนระอุ ในขณะที่ฝ่ายต่อต้านมหาเศรษฐีปากเปราะกำลังผลักดันให้มีการนับคะแนนใหม่ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน

ศาลสูงสุดสหรัฐฯ เคยมีคำพิพากษาเมื่อปี 1989 ว่าการเผาธงชาติไม่ถือเป็นความผิดอาญา แต่เป็นการประท้วงรูปแบบหนึ่งที่ได้รับการคุ้มครองตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมที่ 1 (First Amendment)

ศาลสูงสุดยังเคยพิพากษามากกว่า 1 ครั้งว่า ความเป็นพลเมืองอเมริกันไม่สามารถเพิกถอนกันได้

นิวยอร์กไทม์ส ได้ตีพิมพ์รายละเอียดคำพิพากษาของศาลในประเด็นเหล่านี้ ขณะที่สมาชิกพรรครีพับลิกันและเดโมแครตก็รุมโจมตีผ่านโซเชียลมีเดียว่า ทรัมป์ ขู่ลงโทษผู้ต่อต้านทั้งๆ ที่การกระทำของคนเหล่านี้ไม่ได้ขัดต่อรัฐธรรมนูญ

ด้านฝ่ายผู้นิยม ทรัมป์ ก็ลุกขึ้นมาตอบโต้โดยอ้างว่านักการเมืองหลายคนก็เคยเสนอให้มีการตรากฎหมายเอาโทษผู้ที่เผาธงชาติ ไม่เว้นแม้แต่ ฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต

คลินตัน ซึ่งเวลานั้นเป็นวุฒิสมาชิกเคยมีส่วนร่วมเสนอร่างกฎหมายเมื่อปี 2005 ซึ่งกำหนดให้การเผาธงชาติเพื่อยั่วยุให้เกิดความรุนแรง, การนำธงชาติที่ถูกเผามาข่มขู่ผู้อื่น และการเผาธงชาติซึ่งเป็นทรัพย์สินของบุคคลอื่น ถูกจัดเป็น “อาชญากรรม” ทว่าร่างกฎหมายนี้ตกไป

กลุ่มที่ออกมาประท้วงหน้าโรงแรมทรัมป์เมื่อวันอังคาร (29) ยังรวมถึงสมาชิก 7 คนของพรรคการปฏิวัติคอมมิวนิสต์ (Revolutionary Communist Party) ซึ่งไม่ใช่เครือข่ายของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหรัฐอเมริกา และเป็นกลุ่มเดียวกับนักเคลื่อนไหวที่เผาธงชาติระหว่างการประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกันที่เมืองคลีฟแลนด์ เมื่อเดือน กรกฎาคม

ความคิดเห็น

comments