Headlines

ซาอุตัดสินประหารพลเมือง 15 คน จารกรรมข้อมูลส่งอิหร่าน

ศาลซาอุดีอาระเบียพิพากษาประหารชีวิตผู้ต้องหา 15 คนในความผิดฐานจารกรรมข้อมูลให้แก่รัฐบาลอิหร่าน เมื่อวันอังคาร (6 ธันวาคม)

แหล่งข่าวใกล้ชิดกระบวนการสอบสวนบอกกับเอเอฟพีว่า ผู้ต้องหาทั้ง 15 คนเป็นพลเมืองซาอุฯ และส่วนใหญ่เป็นชีอะห์

รัฐบาลอิหร่านออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาจารกรรม พร้อมเรียกร้องให้ซาอุดีอาระเบีย “อย่ากล่าวหาอิหร่านลอยๆ เพื่อหวังประโยชน์ทางการเมือง หรือเพิ่มความตึงเครียดให้แก่ภูมิภาค”

โดยศาลซาอุฯ ได้เริ่มไต่สวนคดีจารกรรมเมื่อเดือน กุมภาพันธ์ หรือราวๆ 1 เดือนหลังจากที่รัฐบาลซาอุดิอาระเบียประกาศตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่าน หลังนายผู้นำสูงสุดอิหร่านปลุกระดมมวลชนให้บุกโจมตีสถานทูต และสถานกงสุลซาอุดิอาระเบียในอิหร่าน หลังไม่พอใจที่ซาอุดิอาระเบียประหารแกนนำชีอะห์ชัยค์ นิมร์ อัล-นิมร์ หลังพยายามทำรัฐประหารโดยใช้การประท้วงที่นำไปสู่การก่อจลาจลเป็นเครื่องมือ แต่ล้มเหลว

ผู้ต้องหาทั้ง 15 รายถูกตั้งข้อหาหนักที่สุด คือ เป็นกบฏต่อแผ่นดิน (high treason)

อัยการซาอุฯ ระบุว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้เปิดเผยความลับด้านกลาโหม พยายามก่อวินาศกรรม ว่าจ้างคนในกระทรวงต่างๆ เป็นสายให้พวกตน ส่งรหัสลับ และยังสนับสนุนให้ชีอะห์ “ก่อจลาจล” ที่เขตกอตีฟ (Qatif) ทางตะวันออกของประเทศ

หนังสือพิมพ์อัลริยาด รายงานว่า นักโทษประหารทั้ง 15 รายอยู่ในกลุ่มผู้ต้องหา 32 คนที่ถูกดำเนินคดีฐานเป็นสายลับ โดยจำเลยบางคนถูกระบุว่าเคยเข้าพบ นาย อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านด้วย

แหล่งข่าวซึ่งไม่ประสงค์ออกนาม ระบุว่า จำเลยกลุ่มนี้ยังสามารถอุทธรณ์โทษประหารชีวิตได้

นอกจาก 15 คนนี้แล้ว ยังมีผู้ต้องหาคดีจารกรรม 2 รายที่ถูกยกฟ้อง หนึ่งในนั้นเป็นชาวต่างชาติ ส่วนที่เหลือได้รับโทษจำคุกระหว่าง 6 เดือนถึง 25 ปี

แหล่งข่าวเผยว่า ผู้ต้องหาเกือบทั้งหมดเป็นพลเมืองซาอุฯ ยกเว้นชาวอิหร่าน 1 คน และชาวอัฟกันอีก 1 คน

องค์การนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International – AI) ได้ประณามคำตัดสินประหารชีวิตเมื่อวานนี้ (6) ว่าเป็นการ “ล้อเลียนความยุติธรรม และฝ่าฝืนหลักสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง”

“การสั่งประหารชีวิตคน 15 คนด้วยการไต่สวนที่ไม่ได้มาตรฐาน ถือว่าหักหน้าความยุติธรรม” ซามาห์ ฮาดีด เจ้าหน้าที่จากเอไอ ระบุ

อดัม คูเกิล นักวิจัยด้านตะวันออกกลางของฮิวแมนไรต์วอตช์ บอกกับเอเอฟพีว่า การไต่สวนของซาอุฯ ผิดพลาดร้ายแรงมาตั้งแต่ต้น เพราะมีรายงานว่าจำเลยไม่ได้รับโอกาสให้หาทนายมาช่วยแก้ต่าง และยังถูกตั้งข้อหาอาชญากรรมที่ฟังดูไร้เหตุผล เช่น “สนับสนุนการประท้วง”, “พยายามเผยแพร่ลัทธิชีอะห์” และ “ทำลายชื่อเสียงของราชอาณาจักรซาอุฯ” เป็นต้น

ทั้งนี้ความผิดต่างๆ ที่ทาง NGO อ้างถึงเป็นฐานความผิดในทางอาญาในซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นปกติเหมือนกับหลายประเทศที่จะมีกฎหมายที่แตกต่างกัน เพื่ออำนวยความสะดวกในการบริหารประเทศ

ความคิดเห็น

comments