สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันพุธ(11 มกราคม) ว่า อุณหภูมิหนาวเย็นจัดที่แผ่ปกคลุมทั่วทวีปยุโรป ได้คร่าชีวิตผู้คนเพิ่มขึ้นอีกกว่า 60 รายในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา โดยเฉพาะในประเทศโปแลนด์ โรมาเนีย และ ประเทศแถบบอลข่าน ซึ่งผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่จากเหตุอากาศหนาวจัดเป็นผู้อพยพและคนเร่ร่อนไร้บ้าน ขณะที่ ประเทศโรมาเนีย โครเอเชีย และ เซอร์เบีย ประกาศห้ามการขนส่งในแม่น้ำดานูบชั่วคราว ด้านกรีซถูกตำหนิหลังปล่อยให้ผู้อพยพบนเกาะเลสบอส (Lesbos) ต้องผจญกับความหนาวภายในเต็นท์ที่มีหิมะท่วมสูง ในขณะที่เมืองซารานด์ (Saranda) อัลเบเนีย มีหิมะตกเป็นครั้งแรกในรอบ 32 ปี
ทางการโปแลนด์แถลงเมื่อวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมาว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 6 รายจากสภาวะที่ร่างกายมีอุณหภูมิต่ำเกินไป และทำให้นับแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นต้นมา มีผู้เสียชีวิตจากอากาศหนาวจัดในยุโรปเพิ่มขึ้นเป็น 71 รายแล้ว
ขณะที่อุณหภูมิในบางพื้นที่ลดลงไปต่ำกว่า ติดลบ 20 องศาเซลเซียส ทางการโปแลนด์ยังได้ประกาศเตือนให้เด็กๆ และผู้สูงอายุอยู่แต่ภายในอาคารด้วย
ความหนาวเย็นทำให้การขนส่งในแม่น้ำดานูบต้องถูกสั้งยกเลิก โดยพบว่าตำรวจโรมาเนียได้ออกคำสั่งในช่วงเที่ยงวันอังคาร (10 มกราคม) ห้ามทำการขนส่งตลอดระยะทาง 900 กิโลเมตร ของแม่น้ำดานูบ ซึ่งเป็นแม่น้ำที่มีความยาวเป็นอันดับ 2 ในยุโรป
และนอกจากนี้ ยังพบว่า เจ้าหน้าที่โครเอเชีย และเจ้าหน้าที่เซอร์เบีย ออกคำสั่งห้ามการขนส่งในแม่น้ำดานูบด้วยเช่นกัน
ในเซอร์เบีย การขนส่งถูกห้ามในแม่น้ำซาวา (Sava) เนื่องมาจากการจับตัวเป็นน้ำแข็ง และได้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ทางใต้ของเซอร์เบีย
โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่า ชายคนหนึ่งในวัย 88 ปี และลูกชายในวัย 64 ปี เสียชีวิตเนื่องมาจากสภาพอากาศที่หนาวจัดในหมู่บ้านดูกา โพลจานา (Duga Poljana) ทางใต้ของเซอร์เบีย โดยมีรายงานว่า หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับผลกระทบมากที่สุดในวิกฤตคลื่นความหนาวยุโรปที่เกิดขึ้นในเวลานี้ โดยสถานีโทรทัศน์เซอร์เบียรายงานถึงเหยื่อผู้เสียชีวิตทั้งสอง ว่า พวกเขาถูกค้นพบโดยคนส่งขนมปังที่เดินทางมาจากหมู่บ้านข้างเคียง โดยในรายงานระบุว่า พ่อลูกที่เสียชีวิตมีฐานะทางเศรษฐกิจที่ยากจน
นอกจากนี้ ยังพบว่า ตลอดช่วง 3 วันที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิต 3 รายเกิดขึ้นในมาซิโดเนียท่ามกลางสภาพอุณหภูมิที่ต่ำอยู่ที่ -20 องศาเซลเซียส โดยพบชายจรจัดวัย 68 ปี คนหนึ่งถูกพบนอนแข็งตายในกรุงสโกเปีย และผู้เสียชีวิตอีกรายเป็นชายวัย 60 ปี เสียชีวิตบริเวณหน้าบ้านของตัวเองในเมืองสตรูมิกา (Strumica) ทางใต้ของมาซิโดเนีย ในขณะที่หญิงชราวัย 80 ปี อีกราย ถูกค้นพบเป็นศพในบ้านพักของเธอที่ทางตะวันออกของมาซิโดเนีย
ซึ่งที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ได้ร้องขอให้บรรดาผู้จรจัดย้ายเข้าไปอาศัยในศูนย์พักพิงและโรงเรียนท้องถิ่น ที่จะสามารถเป็นที่หลบภัยช่วงฤดูหนาวที่มีภาวะหนาวเย็นจัดนี้ได้
และถือเป็นครั้งแรกในรอบ 32 ปี ที่เกิดหิมะตกในเมืองซารานด์ (Saranda) ของอัลเบเนีย มีการค้นพบชายจรจัดชาวอัลเบเนียรายหนึ่งเสียชีวิต เนื่องมาจากสภาพอากาศในเมืองคอร์กา (Korca) ทางตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งถือเป็นเหยื่อฤดูหนาวรายที่ 5 ของอัลเบเนีย
และในเมือง Bulqiz ซึ่งอยู่ตอนกลางของอัลเบเนีย พบอุณหภูมิลดต่ำไปอยู่ที่ -22 องศาเซลเซียส ที่พบว่าในพื้นที่ห่างไกลส่วนใหญ่ถูกตัดขาด เนื่องมาจากสภาพหิมะที่ตกหนัก และพบว่าเกิดปัญหาไฟฟ้าดับชั่วคราว รวมไปถึงน้ำประปาไม่ไหล โดยรัฐบาลอัลเบเนียได้ส่งความช่วยเหลือออกไปพร้อมกับเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพเพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่ห่างไกลบริเวณภูเขา
ขณะที่เสียงวิจารณ์จำนวนมากเกิดขึ้ันจากองค์การสิทธิมนุษยชนและหน่วยงานต่างๆ หลังเจ้าหน้าที่กรีกบนเกาะเลสบอส (Lesbos) ปล่อยให้ผู้อยพยนอนหนาวในเต็นท์ธรรมดาท่ามกลางหิมะกองสูง ขณะที่ล่าสุดกรีกเริ่มขยับตัวประกาศจะทำการเคลื่อนย้ายผู้อพยพจำนวน 250 คน ที่อาศัยอยู่ในเต็นท์ในศูนย์อพยพเข้าไปอาศัยอยู่ในห้องว่างของโรงแรมชั่วคราว หลังจากหิมะยังตกหนักต่อเนื่องทั่วทั้งกรีซ
และนอกจากนี้ กรีกยังประกาศจะส่งเรือรบกองทัพกรีกไปยังเกาะเลสบอส เพื่อใช้เป็นศูนย์อพยพลอยน้ำชั่วคราวสำหรับผู้อพยพที่อาศัยอยู่ในเต็นท์ที่ต้องผจญกับหิมะตกหนักที่ผ่านมา
โดยสถานการณ์หิมะตกหนักยังทำให้เที่ยวบินจำนวนหนึ่งในเทซซาโลนิกี (Thessaloniki) เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของกรีซต้องหยุดทำการบิน และบางพื้นที่ของกรีซถูกประกาศใช้ภาวะฉุกเฉิน รวมไปถึงหิมะยังตกลงมาในเมืองโบราณ อโครโปลิส (Acropolis) กรุงเอเธนส์ และทำให้โรงเรียนส่วนใหญ่ในเมืองหลวงแห่งนี้ต้องถูกสั่งปิดชั่วคราว และพบว่า มีการเปิดที่พักฉุกเฉินร่วม 10 แห่งให้กับคนจรจัดเข้าอาศัย
นอกจากนี้ยังมีรายงานการพบเจ้าหน้าที่กรีกรายหนึ่งถูกสั่งสอบสวน หลังจากเขาอ้างกับผู้ที่ต้องการเข้ามาขอหลบภัยในที่พักฉุกเฉินชั่วคราว ว่า ปิดการให้บริการ เพียงเพราะหมดเวลาการทำงานของเจ้าหน้าที่รายดังกล่าว และไม่มีใครที่รับผิดชอบดูแลที่พักฉุกเฉินแห่งนี้ต่อจากเขา
วิกฤตภัยหนาวยุโรปยังทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 10 ราย หลังจากเครื่องตกแต่งของมัสยิดแห่งหนึ่งในเมืองอิสตันบูล ตุรกี เกิดถล่มลงมาเนื่องมาจากลมพัดแรงจัด และหิมะตก ซึ่งเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในระหว่างงานญะนาซะ(งานศพ) ใกล้กับสนามบินหลักของเมืองอิสตันบูล โดย บูเลนต์ เคริโมกลู (Bulent Kerimoglu) นายกเทศมนตรีเขตตุรกีแถลงกับผู้สื่อข่าวว่า ได้มีการนำคนเจ็บส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลใกล้เคียงแล้ว
นอกจากนี้ ยังพบว่า ในโรมาเนียได้มีการออกคำสั่งปิดโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในเมืองหลวงตลอดทั้งสัปดาห์นี้เนื่องมาจากเหตุผลด้านสภาพอากาศ ที่ทำให้เกิดปัญหาการเดินทางล่าช้า ไฟฟ้าดับ และความต้องการของผู้ใช้พลังงานที่พุ่งสูงอย่างรวดเร็ว
ด้านทางเหนือของดินแดนน้ำแข็งอย่างโปแลนด์ ก็มีผู้เสียชีวิตแล้ว 20 คนตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา และระดับการเตือนควันพิษของเมืองส่งผลให้เจ้าหน้าที่สั่งปิดโรงเรียน และโรงเรียนอนุบาลในเมืองไรบ์นิค (Rybnik) ทางใต้ของโปแลนด์ เป็นเวลา 2 วัน เพื่อป้องกันไม่ให้ควันพิษจากการเผาเพื่อสร้างความอบอุ่นทำอันตรายเด็กนักเรียนเหล่านั้น รวมไปถึงประกาศให้ใช้บริการขนส่งสาธารณะโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อต้องการลดสภาวะมลพิษทางอากาศ
ขณะที่ในกรุงวอร์ซอ พบว่า ในวันจันทร์ (9) มีการจัดให้บริการขนส่งสาธารณะฟรี และทำให้สถานการณ์คุณภาพอากาศของเมืองดีขึ้น ที่ถึงแม้ว่าจะมีการร้องเรียนมาจากประชาชนที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงโปแลนด์แห่งนี้ถึงอาการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นเนื่องมาจากสภาพอากาศเป็นพิษ รวมไปถึง ไอ ระคายเคืองบริเวณจมูกและดวงตา ซึ่งพบว่าการเตือนหมอกควันพิษเกิดขึ้นในเมืองไรบ์นิค เมืองเชสต์โควา (Czestochowa) และเมืองคาโตวิซา (Katowice) รวมไปถึงพื้นที่เขตอุตสาหกรรมตอนล่าง