คำสั่งห้ามชาวมุสลิมจาก 7 ประเทศของทรัมป์ ส่งผลให้เกิดความสับสนอลหม่านทั้งในอเมริกา และต่างประเทศ เนื่องจากนักเดินทางจำนวนมากถูกกักตัวอยู่ตามสนามบินใหญ่ของสหรัฐฯ และอีกจำนวนมากถูกห้ามขึ้น-ลงจากเครื่องบินตามสนามบินหลายแห่งทั่วโลก ทำให้เกิดการประท้วงในสนามบินตามเมืองใหญ่ๆ ทั่วอเมริกา ขณะที่เจ้าหน้าที่ตั้งแต่ระดับท้องถิ่น รัฐบาลกลาง จนถึงทำเนียบขาวของทรัมป์เองยังสับสนกับขั้นตอนกระบวนการในการดำเนินการตามคำสั่งนี้
เมื่อค่ำวันเสาร์ (28) มีผู้ถูกควบคุมตัว 11 คนในสนามบินจอห์น เอฟ เคนเนดี้ ที่นิวยอร์ก จากการเปิดเผยของเจอรี่ แนดเลอร์ และไนเดีย เวลาซเควซ สมาชิกรัฐสภาสังกัดพรรคเดโมแครต ที่ร่วมประท้วงที่สนามบินดังกล่าว
ตัวแทนจากกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิพลเมืองและการเข้าเมืองเสริมว่า มีนักเดินทางจำนวนมากถูกกักตัวในลักษณะนี้ที่แอตแลนตา ฮูสตัน และดีทรอยต์
นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า ผู้ลี้ภัย นักศึกษา และพนักงานที่ได้รับอนุมัติการเดินทางล่วงหน้าและถือวีซ่าหรือบัตรประจำตัวผู้มีถิ่นที่อยู่ถาวรอย่างถูกต้องตามกฎหมายในสหรัฐฯ (กรีนการ์ด) ที่อัมสเตอร์ดัม แฟรงค์เฟิร์ต ไคโร และอีกหลายเมืองทั่วยุโรป รวมถึงตะวันออกกลาง และแอฟริกา ถูกห้ามขึ้นเครื่องเพื่อเดินทางไปยังสหรัฐฯ
มีคนนับร้อยไปประท้วงต่อต้านคำสั่งดังกล่าวที่สนามบินเจเอฟเค รวมถึงสนามบินใหญ่อีกอย่างน้อย 10 แห่งทั่วอเมริกา ซึ่งรวมถึงดัลเลส แล็กซ์ ซานฟรานซิสโก เดนเวอร์ และฟิลาเดลเฟีย
ขณะที่สนามบิน มหาวิทยาลัยและบริษัทต่างๆ ทั่วสหรัฐฯ เต็มไปด้วยความสับสนอลหม่าน โฆษกหญิงของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิแถลงยืนยันว่า ผู้ที่ถือกรีนการ์ดถูกห้ามเข้าสหรัฐฯ ตามคำสั่งฝ่ายบริหารด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ถูกลงนามเมื่อวันศุกร์ (27) สั่งห้ามผู้ลี้ภัยจากทั่วโลกเข้าอเมริกาเป็นการชั่วคราวอย่างน้อย 120 วัน และห้ามผู้ลี้ภัยซีเรียแบบไม่มีกำหนด รวมถึงระงับการเข้าอเมริกาของพลเมืองชาวมุสลิมจาก 7 ประเทศ(อิรัก ซีเรีย อิหร่าน เยเมน ซูดาน ลิเบีย และโซมาเลีย) เว้นเฉพาะผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม
ทรัมป์ยืนยันที่ทำเนียบขาวในวันเสาร์ว่า นี่ไม่ใช่การห้ามมุสลิมเข้าประเทศ แต่เป็นการเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ ซึ่งจะเห็นได้ว่ากระบวนการนี้เป็นไปอย่างราบรื่น
ขณะเดียวกัน โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ยืนยันกับหนังสือพิมพ์ เดอะ การ์เดียน ของอังกฤษว่า บุคคลสองสัญชาติระหว่างประเทศที่อยู่ในรายการต้องห้ามและประเทศอื่นที่ไม่ใช่สหรัฐฯ เช่น พลเมืองอังกฤษ-อิรัก จะถูกห้ามเดินทางเข้าอเมริกาเป็นเวลา 90 วันด้วยเช่นกัน แต่จะให้สิทธิเข้าประเทศกับผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมในประเทศนั้นก่อน ตามที่ทรัมป์เคยประกาศว่า ในอนาคตอเมริกาจะให้ความสำคัญกับผู้ลี้ภัยคริสเตียนเป็นอันดับแรก
ด้านเนเดอร์จากเดโมแครตให้สัมภาษณ์ว่า ผู้ที่ถูกควบคุมตัวที่สนามบินไม่ควรเซ็นชื่อในเอกสารใดๆ และต้องขอทนายความ เขายังบอกว่า ทรัมป์ควรยกเลิกคำสั่งนี้ ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญในข้อที่ว่า เป็นการเลือกปฏิบัติทางศาสนา
เจ้าหน้าที่สนามบินนอกสหรัฐฯ ดูเหมือนสับสนไม่แพ้กัน รายงานระบุว่า ผู้โดยสาร 7 คนที่เดินทางไปกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติ (UN) ถูกกันไม่ให้ขึ้นเครื่องบินจากอียิปต์ไปนิวยอร์ก หลังจากเจ้าหน้าที่ในไคโรติดต่อกับเจ้าหน้าที่ที่สนามบินเจเอฟเค ขณะที่แคนาดาแนะนำประชาชนจาก 7 ประเทศที่ตามคำสั่งของทรัมป์ ควรงดเดินทางไปอเมริกาแม้ว่าจะถือกรีนการ์ดก็ตาม
เมลานี นีเซอร์ รองประธาน HIAS องค์กรสัญชาติอเมริกันที่ช่วยเหลือในการตั้งรกรากสำหรับผู้ลี้ภัยที่ผ่านกระบวนการคัดกรองอันยากลำบากและยาวนานของสหรัฐฯ เผยว่าผู้ลี้ภัย 2,000 คนที่มีกำหนดเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกในสัปดาห์หน้าต้องติดค้างอยู่ที่ต่างประเทศในขณะนี้
สภาความสัมพันธ์อเมริกัน-อิสลาม (แคร์) ระบุว่า จะยื่นฟ้องคัดค้านคำสั่งของทรัมป์ในวันจันทร์ (30) เนื่องจากละเมิดรัฐธรรมนูญที่ให้การรับรองศาสนา และวิธีการที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ดานู ยาคูปิติเยจ โฆษกนิวยอร์ก อิมมิเกรชัน โคเอลิชัน กล่าวทิ้งท้ายว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ได้ทำให้อเมริกาปลอดภัยขึ้น แต่กลับตอกย้ำภาพเจ้าลัทธิโดดเดี่ยวที่โหดร้ายต่างหาก
https://www.youtube.com/watch?v=QLqv9NSHSb4
