อะเมซอน และ ไมโคซอฟต์ ออกมาสนับสนุนการยื่นดำเนินการทางกฎหมายคัดค้านคำสั่งพิเศษห้ามพลเมืองจาก 7 ชาติมุสลิมเดินทางเข้าสหรัฐฯ ของประธานาธิบดี ทรัมป์ หลังจาก กูเกิล และ เฟซบุ๊ก รวมถึงบริษัทอื่นๆ ล้วนออกประณามมาตรการดังกล่าวก่อนหน้านี้
เมื่อวันอังคารที่(31 มกราคม)ผ่านมาบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี อย่าง อะเมซอน และ ไมโคซอฟต์ ออกมาแสดงการสนับสนุนรัฐวอชิงตัน ซึ่งกำลังดำเนินการฟ้องร้องประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ออกคำสั่งพิเศษด้านคนเข้าเมือง
“คำสั่งพิเศษนี้เป็นอะไรที่เราไม่สนับสนุน” เจฟฟ์ เบซอส ซีอีโอของอะเมซอน กล่าว “เราคือประเทศของคนเข้าเมือง ความหลากหลายทั้งด้านภูมิหลัง แนวคิด และมุมมอง ช่วยสร้างเราเป็นประเทศมานานกว่า 240 ปี”
อะเมซอน สนับสนุน บ็อบ เฟอร์กูสัน อัยการสูงสุดรัฐวอชิงตัน ที่กำลังยื่นฟ้องทรัมป์ ต่อคำสั่งห้ามที่ไม่เป็นอเมริกา และไม่ชอบธรรมตามกฎหมาย ซึ่งนับเป็นการยื่นคัดค้านทางกฎหมายครั้งแรกต่อนโยบายของผู้นำที่บริหารประเทศมาได้เพียง 11 วัน โดยการฟ้องร้องต้องการให้ระงับคำสั่งพิเศษนี้เป็นการชั่วคราว
“ถ้าประสบความสำเร็จ ผลก็คือจะทำให้การกระทำที่ไม่ชอบธรรมตามกฎหมายทั่วประเทศของประธานาธิบดีเป็นโมฆะ” เฟอร์กูสัน กล่าว “คำร้องเราได้รับการสนับสนุนจากองค์กรต่างๆ อย่างเช่น เอ็กซ์พีเดีย และ อะเมซอน ซึ่งจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงทั้งด้านธุรกิจและลูกจ้างของพวกเขา จากคำสั่งพิเศษดังกล่าว”
ไมโครซอฟต์ และ เอ็กซ์พีเดีย ยืนยันเช่นกันว่าพวกเขาให้การสนับสนุนการยื่นคัดค้านทางกฎหมายครั้งนี้ และจะช่วยนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบจากคำสั่งแบนมุสลิม รวมถึงพร้อมขึ้นให้การหากจำเป็น
การยื่นฟ้องครั้งนี้นับเป็นความเคลื่อนไหวอย่างเป็นทางการหนแรกสำหรับถอนคำสั่งแบนดังกล่าว ซึ่งห้ามพลเมืองจากอิรัก อิหร่าน ลิเบีย ซีเรีย โซมาเลีย ซูดานและเยเมน เดินทางเข้าสหรัฐฯเป็นเวลา 90 วัน
ขณะเดียวกัน ทาง อะเมซอน ยังได้ติดต่อไปยังเหล่าผู้นำในสภาคองเกรส เพื่อสำรวจดูว่ามีช่องทางที่สามารถระงับคำสั่งแบนดังกล่าวผ่านการตัวบทกฎหมายหรือไม่
คำสั่งพิเศษ ซึ่งลงนามเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กระพือการประท้วงในหลายประเทศทั่วโลก ในนั้นรวมถึงในสหราชอาณาจักร ที่มีผู้ลงนามในหนังสือคัดค้านการเชิญ ทรัมป์ เดินทางเยือนแบบรัฐพิธี มากกว่า 1.5 ล้านรายชื่อ
กูเกิล เฟซบุ๊ก เน็ตฟลิกซ์ และ แอร์บีเอ็นบี ต่างประณามคำสั่งพิเศษของทรัมป์ โดยแต่ละแห่งได้จัดการประท้วงของตนเอง พร้อมเสนอมอบบริการฟรีและบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ลี้ภัยที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งดังกล่าวด้วย