รัฐบาลจีนออกกฎหมายห้ามประชาชนในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ปกปิดใบหน้าในที่สาธารณะ, ไว้หนวดเครา “ยาวกว่าปกติ” หรือปฏิเสธการเข้าถึงสื่อของรัฐ ไม่ส่งลูกเข้าเรียนในโรงเรียน ซึ่งถือเป็นมาตรการใหม่ที่จะเริ่มมีผลบังคับในวันเสาร์ (1 เมษายน)

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีผู้คนถูกสังหารไปหลายร้อยศพในซินเจียงซึ่งเป็นเมืองที่ชาวมุสลิมอุยกูร์เป็นชนส่วนใหญ่ โดยจีนอ้างว่าเป็นฝีมือพวกที่เคร่งครัดศาสนาและกลุ่มแบ่งแยกดินแดน ในขณะที่นักสิทธิมนุษยชนแย้งว่า เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลมาจากรัฐบาลจีนใช้นโยบายกดขี่โดยมุ่งเป้าไปที่ชาวอุยกูร์

ทางการจีนเลี่ยงข้อกล่าวหาดังกล่าวโดยอ้างว่าไม่ได้กดขี่ข่มเหงชาวมุสลิมในซินเจียง และอ้างว่าชาวอุยกูร์ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์เติร์กได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่ทั้งในด้านกฎหมาย วัฒนธรรม และศาสนา

ในขณะที่จีนรับรองเสรีภาพในการนับถือศาสนา แต่ก็ยังมีการออกกฎระเบียบหลายอย่างในช่วงไม่กี่ปีมานี้เพื่อยับยั้งและจำกัดการเข้าถึงหลักการศาสนา และบีบบังคับให้ชาวมุสลิมเฉพาะที่อุยกูร์ออกห่างจากแนวทางของศาสนามากขึ้น

กฎหมายใหม่ที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาท้องถิ่นซินเจียงที่ปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์เมื่อวันพุธ (29 มีนาคม) และเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของทางการแล้วนั้น จะเป็นการขยายเพิ่มเติมกฎหมายเดิมที่มีอยู่ โดยมีผลบังคับตั้งแต่วันเสาร์ 1 เมษายนนี้ เป็นต้นไป

ผู้ที่แต่งกายมิดชิดทุกส่วนและปกปิดใบหน้าจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปใช้สถานที่สาธารณะ เช่น สถานีรถไฟ และสนามบิน เป็นต้น และพนักงานประจำสถานที่เหล่านั้นก็มีหน้าที่จะต้องแจ้งให้ตำรวจทราบด้วย

นอกจากนี้ กฎหมายใหม่ยังห้ามการปฏิเสธที่จะรับสื่อวิทยุ โทรทัศน์ หรือบริการสาธารณะอื่นๆ, ห้ามการแต่งงานทางศาสนาโดยไม่จดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย และห้ามนำคำว่า ‘ฮาลาล’ มาเป็นข้ออ้างในการควบคุมการดำเนินชีวิต

กฎหมายฉบับนี้ยังกำหนดให้พ่อแม่ผู้ปกครอง “อบรมสั่งสอนบุตรหลานให้เป็นคนดีมีศีลธรรม สอนให้รู้จักเชื่อในวิทยาศาสตร์ รักษาวัฒนธรรมและความเป็นเอกภาพทางเชื้อชาติ และต้องปฏิเสธลัทธิความเชื่อแบบสุดโต่ง”

กฎหมายใหม่ยังห้ามพ่อแม่ปฏิเสธการส่งลูกเข้าเรียนในโรงเรียนปกติ, ฝ่าฝืนนโยบายคุมกำเนิด, ทำลายเอกสารทางราชการ และ “ไว้หนวดเครายาวผิดปกติ หรือตั้งชื่อบุตรหลานให้สื่อถึงความเคร่งศาสนา”

ทางการจีนเคยบังคับใช้กฎเกณฑ์ลักษณะนี้ในบางพื้นที่ของซินเจียงมาแล้ว ตัวอย่างเช่นในเมืองแห่งหนึ่งที่ห้ามคนคลุมฮิญาบ ปิดหน้า และไว้หนวดเครายาวขึ้นรถประจำทาง ทว่ากฎหมายใหม่นี้จะถูกบังคับใช้ทั่วทั้งภูมิภาค

แม้ว่าชาวอุยกูร์ส่วนใหญ่จะนับถือและปฏิบัติตามหลักอิสลามสายกลาง โดยมุสลิมะห์ส่วนมากแต่งกายอย่างมิดชิดเวลาที่ต้องออกนอกบ้าน ซึ่งถูกทางการจีนมองว่าเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เพื่อสื่อถึงการต่อต้านนโยบายกดขี่ของจีน

https://www.youtube.com/watch?v=HU25DZdr1v4

ความคิดเห็น

comments

By admin

ข่าวที่น่าสนใจ