อดีตเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำอิสราเอลประณามเยอรมนีที่ปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามหมายจับผู้นำรัฐบาลอิสราเอลของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) โดยเรียกการจับกุมครั้งนี้ว่าเป็น “การล้มล้างแนวปฎิบัติของชาติตะวันตกทั้งหมด”
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ผู้พิพากษาของศาลอาญาระหว่างประเทศได้ออกหมายจับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล และอดีตรัฐมนตรีกลาโหมโยอัฟ กัลลันต์ รวมถึงผู้บัญชาการทหารของกลุ่มฮามาส โมฮัมเหม็ด เดอีฟ
การตัดสินใจดังกล่าว ซึ่งเกิดขึ้นหกเดือนหลังจากที่อัยการสูงสุดของศาลอาญาระหว่างประเทศ คาริม ข่าน ยื่นคำร้องขอหมายจับดังกล่าว หลังจากมีการสอบสวนเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องของผู้นำอิสราเอลและกลุ่มฮามาสในอาชญากรรมสงคราม ส่งผลให้นักการเมืองและบุคคลสำคัญทั่วโลกแสดงปฏิกิริยาตอบสนองแตกต่างกัน โดยบางส่วนระบุว่าเต็มใจที่จะปฏิบัติตามหมายจับ ขณะที่บางคนปฏิเสธและประณามคำสั่งของศาลอาญาระหว่างประเทศโดยตรง
ทางด้านเยอรมนีเองก็กล่าวว่าอาจปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามหมายจับ โดยสเตฟเฟน เฮเบสไตรต์ โฆษกของรัฐบาลกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่าการจับกุมในเยอรมนีจะเกิดขึ้นจากเหตุผลนี้”
ในการตอบสนองต่อคำกล่าวดังกล่าว เจอราร์ด อาโรด์ อดีตเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำอิสราเอลและสหรัฐอเมริกา โพสต์บน X ว่าจุดยืนของเยอรมนีเป็น “การล้มล้างแนวปฎิบัติของชาติตะวันตกทั้งหมด” นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้เบอร์ลิน “อย่าพูดถึงสิทธิมนุษยชน กฎหมายมนุษยธรรม [และ] ความยุติธรรมระหว่างประเทศ”
ในโพสต์ต่อมาบน X อาโรด์กล่าวว่า “เรากำลังเห็นชาติตะวันตกฆ่าตัวตายทั้งเป็น” และการที่บางส่วนปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามหมายจับของศาลอาญาระหว่างประเทศ “เป็นความหายนะทางศีลธรรมและการเมืองที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของอำนาจเผด็จการทั้งหมด พวกเขารู้หรือไม่ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นในฉนวนกาซา”