รัฐบาลทรัมป์กำลังแสวงหาการเจรจานิวเคลียร์โดยตรงกับอิหร่าน โดยมุ่งหวังที่จะบรรลุข้อตกลงที่ครอบคลุมที่จะทำลายโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านทั้งหมด ตามรายงานข่าวจากสำนักข่าว อนาโดลู
หากประสบความสำเร็จ การเจรจาครั้งนี้จะถือเป็นการผูกพันทวิภาคีที่ยั่งยืนครั้งแรกระหว่างทั้งสองประเทศ นับตั้งแต่ที่สหรัฐเมริกาถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 เมื่อปี 2018 ตามรายงานของวอลล์สตรีทเจอร์นัล
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า “ผมคิดว่ามันดำเนินไปเร็วกว่านี้ และคุณเข้าใจอีกฝ่ายดีขึ้นมาก ผมรู้แน่ชัดว่าผมคิดว่าพวกเขาต้องการมีการเจรจาโดยตรง”
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ กล่าวว่ารัฐบาลต้องการหลีกเลี่ยงการเจรจากันที่ผ่านคนกลางซึ่งต้องใช้เวลานาน และจะแสวงหาการหารือแบบพบหน้ากันแทน
“นี่คือการขจัดภัยคุกคาม ไม่ใช่การจัดการกับมัน(นิวเคลียร์)” เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวระบุ
อิหร่านยังไม่ได้ตอบสนองอย่างเป็นทางการต่อข้อเสนอล่าสุด
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ในเตหะรานได้แสดงความเปิดกว้างต่อการเจรจาทางอ้อม ซึ่งอาจมีประเทศที่สามเป็นตัวกลาง
ที่ปรึกษาระดับสูงของผู้นำสูงสุด อาลี คาเมเนอี ได้ส่งสัญญาณว่าการเจรจาโดยตรงอาจจะเกิดขึ้นในที่สุด
มีรายงานว่าทรัมป์ได้ส่งจดหมายถึงคาเมเนอีเมื่อเดือนที่แล้ว โดยเสนอกำหนดเส้นตาย 2 เดือนในการบรรลุข้อตกลง
เนื้อหาของจดหมายซึ่งได้รับการยืนยันจากแหล่งข่าวที่ทราบเรื่องนี้ แสดงให้เห็นว่าวอชิงตันมุ่งมั่นที่จะหาข้อยุติโดยเร็ว
รัฐบาลกำลังกดดันให้บรรลุผลที่มากกว่าข้อตกลงนิวเคลียร์ในยุคของโอบามามาก
แม้ว่าข้อตกลงก่อนหน้านี้จะอนุญาตให้อิหร่านเสริมสมรรถนะยูเรเนียมภายใต้ข้อจำกัดที่เข้มงวด แต่ขณะนี้ทีมของทรัมป์กำลังเรียกร้องให้หยุดกิจกรรมเสริมสมรรถนะโดยสมบูรณ์
เตหะรานได้ปกป้องโครงการของตนมาอย่างยาวนานว่าเป็นโครงการที่สันติและอยู่ในสิทธิอธิปไตยของตน
อย่างไรก็ตาม หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ ประเมินเมื่อไม่นานนี้ว่ายูเรเนียมเสริมสมรรถนะที่เพิ่มขึ้นของอิหร่านอาจทำให้อิหร่านสามารถผลิตเชื้อเพลิงระดับอาวุธได้ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์
เพื่อสนับสนุนการผลักดันทางการทูต วอชิงตันได้เพิ่มกำลังทหารในภูมิภาคนี้ด้วย กองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตี 2 ลำ พร้อมด้วยเครื่องบินขับไล่ F-35 เครื่องบินทิ้งระเบิด B-2 และระบบป้องกันภัยทางอากาศแพทริออต ได้ประจำการอยู่ในตะวันออกกลาง
เจ้าหน้าที่ยืนยันว่านี่เป็นการประจำการเพื่อป้องกันไว้ก่อน และไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการโจมตีที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยังชี้ให้เห็นถึงการดำเนินการทางทหารล่าสุดของอิสราเอล ซึ่งรายงานว่าทำให้ระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิหร่านลดลง และกองกำลังตัวแทนในภูมิภาคอ่อนแอลง
“ขณะที่อิหร่านกำลังได้รับผลกระทบจากการโจมตีทางทหารของอิสราเอล และเศรษฐกิจภายในประเทศอยู่ในภาวะวิกฤต ทรัมป์จึงมองเห็นโอกาสที่จะเพิ่มแรงกดดันต่อไป” ไมเคิล ซิงห์ อดีตเจ้าหน้าที่สภาความมั่นคงแห่งชาติกล่าว