นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอลเปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ว่า อิสราเอลจะไม่ยอมให้ทหารและเจ้าหน้าที่คนใดถูกนำตัวไปขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศ(ไอซีซี)ในกรุงเฮกของเนเธอร์แลนด์ด้วยข้อหาที่เป็นไปได้คืออาชญากรสงคราม ขณะเดียวกัน นายกฯเนทันยาฮู เตือนว่าทางการปาเลสไตน์ได้เลือกเส้นทางการเผชิญหน้ากับอิสราเอลแล้ว และเขาจะไม่ยอมส่งทหารหรือเจ้าหน้าที่คนใดไปขึ้นศาลโลก ในเมื่อทหารเหล่านี้ปกป้องชาติ รัฐบาลก็จะปกป้องพวกเขา
นอกจากนั้นนายกฯเนทันยาฮู กล่าวด้วยว่า เหล่าผู้นำปาเลสไตน์ควรจะถูกนำตัวขึ้นศาลโลก สำหรับการลงนามปรองดองกับกลุ่มฮามาสเมื่อปี 2557 จนนำไปสู่การตั้งรัฐบาลเอกภาพปาเลสไตน์ โดยผู้ที่สมควรขึ้นศาลคือบรรดาผู้นำทางการปาเลสไตน์ที่ลงนามในข้อตกลงปรองดองกับอาชญากรสงครามอย่างฮามาส
คำกล่าวของนายกฯอิสราเอลมีขึ้นเป็นเวลา 2 วันหลังจากปาเลสไตน์ยื่นสมัครเป็นสมาชิกศาลอาญาระหว่างประเทศและภายหลังอิสราเอลยักยอกเงินภาษีรายได้ 127 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 4,191 ล้านบาทของปาเลสไตน์ ซึ่งอิสราเอลต้องโอนเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่ทางการปาเลสไตน์ แต่อิสราเอลอ้างว่าการยักยอกเงินจำนวนดังกล่าวของปาเลสไตน์เพื่อเป็นการลงโทษที่ทางการปาเลสไตน์พยายามเป็นสมาชิกศาลไอซีซี
ทั้งนี้ศาลอาญาระหว่างประเทศสามารถดำเนินคดีต่อบุคคลที่ถูกกล่าวหากระทำการที่เข้าข่ายการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษย์และการก่ออาชญากรรมนับตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.ปี 2545 ซึ่งการก่อตั้งศาลโลกมีผลบังคับใช้
ขณะที่ฮามาสเป็นกลุ่มการเมืองคู่แข่งกับกลุ่มฟัตตะห์ และฮามาสได้รับการสนับสนุนจากชาวปาเลสไตน์จนชนะการเลือกตั้งครั้งก่อนหน้านี้ แต่อิสราเอลไม่ยอมรับชัยชนะในการเลือกตั้งที่มีนานาชาติเป็นผู้สังเกตการณ์ และยุยงให้กลุ่มฟัตตะห์พยายามก่อกบฎโค่นอำนาจการปกครองของรัฐบาลฮามาสแต่ไม่สำเร็จ ทำให้ฮามาสมีอำนาจปกครองเฉพาะในพื้นที่ฉนวนกาซาเท่านั้น ขณะที่กลุ่มฟัตตะห์ตั้งรัฐบาลขึ้นปกครองในเขตเวสแบงค์ จนมีการลงนามร่วมกันของทั้งฟัตตะห์ และฮามาสในการร่วมก่อตั้งรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติขึ้น