เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์รายงานอ้างนิตยสารไฉจิง (财经网) กรณีทุจริตคอร์รัปชั่นในเขตพื้นที่อันอุดมมั่งคั่งไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ มณฑลซานซี ว่ามีเบื้องหลังโยงใยความเกี่ยวข้องกันระหว่างองค์กรอาชญากรรมกับผู้บังคับใช้กฎหมาย
ไฉจิง รายงานรูปแบบขององค์กรอาชญากรรมหนึ่งในเมืองหลู่เหลียง ที่มีชื่อว่า “แก๊งนกกระจอก” ได้ใช้วิธีอุ้มชูอุปการะสมุนส่งเข้าเรียนโรงเรียนนายร้อยตำรวจ โดยหัวหน้าแก๊ง เฟิง เสี่ยวฉวน ได้ส่งสมุนสมาชิก 15 คน เข้าสอบเป็นนักเรียนนายร้อย หลังจากสำเร็จได้รับการบรรจุรับตำแหน่งฯ ส่วนใหญ่ก็ปฏิบัติงานเป็นตำรวจในเมืองจงหยาง เขตปกครองหนึ่งของเมืองหลู่เหลียง อันเป็นพื้นที่ฝังตัวประกอบมิจฉาชีพของแก๊งนกกระจอกนั่นเอง
ในการนี้เหล่าตำรวจสมุนแก๊ง ก็ทำคดีสืบสวนจับกุมสมาชิกแก๊งที่ทำตัวเป็นคนเรียกเก็บค่าเช่าที่ และทวงหนี้ เพื่อกลมกลืนว่าเป็นตำรวจสุจริต หลีกเลี่ยงหูตาของหน่วยสืบสวนกลางฯ
อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติการณ์แฝงของเหล่าโจรสลับหน้าสองคนสองคมนี้ ก็ถูกเปิดโปงในปี 2547 โดยทางการสามารถจับกุมผู้ร่วมกระทำความผิดในข้อหาทุจริตฯ ได้ 67 คน รวมทั้งนายเฟิงหัวหน้าแก๊งด้วย พร้อมกับอาวุธปืน 47 กระบอก กระสุนกว่า 1,400 นัด
รายงานของไฉจิง ยังอ้างถึงคดีสืบสวนอีกหลายคดีในเมืองซานซีรอบสิบปีที่ผ่านมา ซึ่งบรรดานักธุรกิจมักจะว่าจ้างเหล่ามาเฟียเจ้าพ่อ อีกทั้งพบว่าคนเหล่านี้ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูง หรืออย่างน้อยก็พัวพันเส้นสายใกล้ชิดกับผู้บังคับใช้กฎหมายในกระบวนการยุติธรรม
การสมรู้ร่วมคิดกันระหว่างเจ้าหน้าที่ฯ มาเฟียเจ้าพ่อ และนักธุรกิจในมณฑลซานซี ซึ่งมีทรัพยากรถ่านหินมหาศาล ได้สร้างความร่ำรวยให้กับมหาเศรษฐีจีนจากผลประโยชน์ที่ได้มาโดยทุจริต
จากคำบอกเล่าของแหล่งข่าวผู้เคยอยู่ในวงการพนัน ระบุว่า เหล่ามาเฟียจำนวนมาก ยังทำมาหากินโดยการหลอกลวงเหล่าเจ้าของกิจการเหมืองถ่านหิน เข้าเสี่ยงโชคในวงการพนันมาเก๊า ซึ่งเคยถูกปราบทลายครั้งหนึ่งในปี 2548 และว่า คนเหล่านี้ได้ผลประโยชน์มากกว่าร้อยละ 40 ของยอดเงินที่ได้จากผู้เสียพนัน ขณะที่หลายคนก็เข้าเป็นหุ้นส่วนในบ่อนคาสิโนเสียเอง
โจว อู่ชิง หัวหน้าหนึ่งในสมการหลักนรกสองคนสองคม ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองจิ่นเฉิง จับกุมในปี พ.ศ. 2552 ทำหน้าที่ประสานจัดจองตั๋วเครื่องบินและโรงแรมสำหรับเหล่านักพนันที่ถูกลวง แลกเปลี่ยนเงินและจัดหานางบำเรอสำหรับแขกทุกคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเศรษฐีระดับพันล้านฯ ในวงการอุตสาหกรรมถ่านหิน รวมถึงผู้บริหารของกิจการวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐด้วยเช่นกัน โดยหลายคนถูกลวงสูญเงินทั้งหมดของตนในชั่วข้ามคืน และหากไม่มีเงินจ่ายก็ต้องกู้ยืมด้วยอัตราดอกเบี้ยสูง อีกทั้งเผชิญกับการถูกทำร้าย
นิตยสารไฉจิง ระบุว่า มณฑลซานซี เป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของรัฐบาลกลางในการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2549 มานี้ กระบวนการสืบสวนคดีใหญ่ๆ กว่า 14 คดี กลับก็ต้องสะดุดตกราง เนื่องจากการแทรกซึมฝังตัวของเหล่าเจ้าพ่อมาเฟียในหน่วยงานรัฐ และตำรวจผู้ฉ้อฉล
บทความของไฉ่จิงนี้ มีขึ้นหลังจากเมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา คณะกรรมการกลางตรวจสอบวินัยพรรค (Central Committee for Discipline Inspection) แห่งพรรคคอมมิวนิสต์แถลงยอมรับเป็นครั้งแรกว่า มีกลุ่มคนในแก๊งมาเฟียอย่าง ‘แก๊งซานซี’ ‘แก๊งปิโตรเลียม’ ‘แก๊งเลขาธิการ’ ได้แฝงตัวอยู่ในองค์กรรัฐฯ
ขณะที่ซินหวารายงานว่า ผู้นำระดับสามพยัคฆ์ของพรรคคอมมิวนิสต์ ได้แก่ โจว หยงคัง อดีตหัวหน้าหน่วยงานด้านความมั่นคง คณะกรรมการประจำกรมการเมืองหรือโปลิตบูโร, ซู่ว์ ไชโห่ว ตำรวจใหญ่ระดับนายพลอดีตสมาชิกโปลิตบูโรของพรรคคอมมิวนิสต์จีน อดีตรองประธานคณะกรรมาธิการทหารกลาง และนาย หลิง จี้ ฮว่า อดีตที่ปรึกษาคนสำคัญของ ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา คือกลุ่มเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดกลุ่มแรก ที่ถูกจับกุมสอบสวนในความผิดทุจริตคอร์รัปชั่น