สภาพการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก ส่งผลให้เกิดสภาวะแล้งจัดใน 3 รัฐทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีประชากรมากที่สุดของประเทศบราซิล ทั้งๆ ที่อยู่ในระหว่างฤดูฝน ทั้งนี้ ในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีปริมาณฝนตกเพียงไม่ถึง 3 นิ้ว แตกต่างอย่างใหญ่หลวงจากค่าเฉลี่ยของปริมาณน้ำฝนในเดือนเดียวกันนี้ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ 10.7 นิ้ว
รัฐที่ได้รับผลกระทบก็คือ รัฐเซาเปาโล, ริโอเดอจาเนโร และรัฐมีนัสเชไรส์ ทั้งนี้ นางอิซาเบลลา เทกเซรา รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมบราซิล เรียกประชุมฉุกเฉินเพื่อรับมือกับภาวะวิกฤตน้ำใน 3 รัฐดังกล่าวซึ่งนางเทกเซราชี้ว่า “ละเอียดอ่อน” และ “น่ากังวล” อย่างยิ่ง เพราะจะส่งผลกระทบต่อทั้งอุตสาหกรรมและการเกษตร และจะยิ่งทำให้เศรษฐกิจของประเทศที่ทรุดอยู่แล้วมีปัญหาหนักมากขึ้นไปอีก
ผลกระทบเฉพาะหน้านอกจากการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคแล้วก็คือ ผลกระทบทางด้านพลังงานเนื่องจากการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังน้ำลดน้อยลงอย่างชัดเจน
นางเทกเซราอธิบายในการประชุมร่วมกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอีก 5 กระทรวงว่านับตั้งแต่มีการบันทึกสภาวะอากาศอย่างเป็นทางการในบราซิลมาเมื่อ 84 ปีก่อน บราซิลไม่เคยเจอสถานการณ์แล้งจัดเช่นนี้มาก่อน
ภาวะแล้งจัดครั้งนี้เริ่มต้นที่รัฐเซาเปาโลเป็นลำดับแรก และรุนแรงมากขึ้นตามลำดับจนทำให้สถานการณ์น้ำในรัฐนี้ตกอยู่ในสภาพขาดแคลนรุนแรงที่สุด มีการตัดการจ่ายน้ำประปาเป็นระยะๆ เพื่อลดปริมาณการใช้น้ำ ระบบสำรองน้ำแคนทาเรราของเซาเปาโล ลดลงจนเกือบแห้งขอด มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 5.2 เปอร์เซ็นต์ของความจุทั้งหมดที่รองรับได้ ในขณะที่พยากรณ์อากาศคาดการณ์ว่าปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่นี้ตลอดเดือนมกราคมนี้จะมีเพียง 33.5 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณฝนปกติ
ปัญหาน้ำกำลังลุกลามกลายเป็นปัญหาทางการเมือง เมื่อ นายเจอรัลโด อัลค์มิน ผู้ว่าการเซาเปาโลถูกกล่าวหาว่าไม่เตือนประชาชนและไม่วางแผนการใช้น้ำตั้งแต่แรกเพราะกังวลเรื่องเลือกตั้งผู้ว่าการรอบใหม่ที่กำลังจะใกล้เข้ามา
ที่รัฐริโอเดอจาเนโร แหล่งน้ำสำรองหลักของรัฐลดลงจนเหลือ 0 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการก่อสร้างเป็นต้นมา นายแอนเดร คอร์เรอา รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมแห่งรัฐริโอ ยอมรับว่า วิกฤตน้ำหนนี้เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐริโอ แต่ยืนยันว่า ยังมีแหล่งน้ำสำรองอื่นๆ พอใช้ไปอีกราว 6 เดือน โดยไม่จำเป็นต้องปันส่วนน้ำ
นายคอร์เรอาเปรียบเทียบว่า ในเซาเปาโล สถานการณ์หนักกว่าในริโอมาก
อย่างไรก็ตาม ทั้ง ริโอ และมีนัสเชไรส์ ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ราษฎรและอุตสาหกรรมต่างๆลดการใช้น้ำลง 30 เปอร์เซ็นต์แล้วในตอนนี้
