ศาลนราธิวาส พิพากษาจำคุกผู้ต้องหาสัญชาติอินโดนีเซีย 8 ราย จากเหตุปล้นเรือทุกน้ำมันปาล์มเกยฝั่งน่านน้ำไทย พร้อมสั่งปรับกว่า 71 ล้านบาท ของกลางทั้งหมดสั่งส่งคืนเจ้าของ ดำเนินการกู้เรือให้เสร็จสิ้นภายใน 60 วัน
วันนี้ (29 ม.ค.) ที่ห้องรับรองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วย พล.ต.ต.พัฒนวุธ อังคนาวิน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส นายสันธนะ จันทร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขานราธิวาส เข้าร่วมหารือกับ นายเบเบ็บ จูนจูนัน อัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูตอินโดนีเซีย พร้อมคณะ
จากกรณีที่สถานีตำรวจน้ำ 3 กองกำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจน้ำ ได้จับกุมเรือบรรทุกน้ำมันอินโดนีเซีย ชื่อ SRIKANDI 515 และผู้ต้องหาสัญชาติอินโดนีเซีย จำนวน 8 ราย เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2557 ที่ผ่านมา และได้นำส่งเจ้าพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ซึ่งต่อมาทางสถานทูตอินโดนีเซีย ได้อ้างว่าเรือดังกล่าวได้ถูกปล้นมาจากประเทศอินโดนีเซีย โดยได้แจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาให้ความช่วยเหลือ และอำนวยความสะดวกด้านต่างๆ เพื่อมิให้กระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
โดย นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้แถลงการณ์สำหรับกรณีการจับกุมเรือบรรทุกน้ำมันปาล์ม SRIKANDI 515 ว่า อัยการได้สั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 8 ราย ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พระราชบัญญัติการเดินเรือน่านน้ำไทย พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม และพระราชบัญญัติศุลกากร และศาลจังหวัดนราธิวาส ได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2558 เวลา 15.00 น. โดยสั่งจำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 23 เดือน จำเลยที่ 2-8 เป็นเวลา 6 เดือน และได้สั่งปรับเป็นเงิน 71,312,000 บาท หากไม่มีเงินเสียค่าปรับจะต้องถูกจำคุกชดเชยใช้ค่าปรับเป็นเวลาไม่เกิน 2 ปี ไม่รวมโทษจำคุกในข้อหาอื่น ในส่วนของของกลางได้แก่ เรือ และนำมันปาล์มดิบ จำนวน 2,500,000 ลิตร พนักงานอัยการมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนคืนเจ้าของเรือ และเจ้าของน้ำมัน ตามหลักประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงเงื่อนไขการดำเนินการกู้เรือนั้น เจ้าของเรือต้องได้รับหนังสือแจ้งจากสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขานราธิวาส ในการดำเนินการกู้เรือภายใน 60 วัน นับแต่ได้รับจดหมาย ตามมาตรา 121 ของพระราชบัญญัติการเดินเรือน่านน้ำไทย ส่วนน้ำมันปาล์มดิบ ซึ่งเป็นสินค้าควบคุมของไทย เจ้าของน้ำมันต้องนำออกไปจากราชอาณาจักรไทย โดยไม่สามารถนำมาแปรรูป หรือจำหน่ายในราชอาณาจักรไทยได้