มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดโต๊ะเสวนา “รวมพลัง ร่วมพิชิตวิกฤตหมอกควัน” พบฝุ่นละอองทำผู้ป่วยทางเดินหายใจเป็นภูมิแพ้เพิ่ม-เสี่ยงกระทบพันธุกรรมทารกในครรภ์ ด้านตัวแทนคนแม่แจ่ม พูดชัดกฎหมายดีแค่ไหน ก็ไร้ประโยชน์ บอกพอมีปัญหาเรียกประชุมถี่ยิบ แต่เมื่อฝนมาลืมกันหมด ชี้ห้ามเผา โดยไม่พัฒนาคุณภาพชีวิต “ลำบาก”
เมื่อวันที่ 17 มีนาคมผู้สื่อข่าว ASTV รายงานว่า มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้จัดเสวนาเรื่อง “รวมพลัง ร่วมพิชิตวิกฤติหมอกควัน” โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอย่างคับคั่ง หลังจากเชียงใหม่ ต้องประสบปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอนในอากาศสูงเกินค่ามาตรฐาน 120 ไมโครกรัม/ลบ.ม.มาต่อเนื่องกว่า 2 สัปดาห์
นายจงคล้าย วรพงษธร ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จากสถิติย้อนหลัง 5 ปี จะพบว่าช่วงเดือนมีนาคม- เดือนเมษายน จะเป็นเดือนที่ปัญหาของหมอกควันหนักสุด
โดยขณะนี้อำเภอที่เกิดจุด Hotspot มากที่สุด คือ แม่แจ่ม, เชียงดาว, อมก๋อย ตามลำดับ ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าเต็งรัง ที่มีการเผาป่าเพื่อทำการเกษตรเป็นจำนวนมาก และปัญหาอีกส่วนหนึ่งมาจากลมที่พัดพาหมอกควันจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในพื้นที่
ซึ่งเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2558 ได้มีการผนึกกำลังของเจ้าหน้าที่อุทยานฯป่าไม้, เจ้าหน้าที่ทหาร เข้าตรวจสอบและใช้มาตรการทางกฎหมาย สามารถจับกุมดำเนินคดีผู้ที่ก่อเหตุเผา ในพื้นที่อำเภอฮอด เชียงดาว แม่ออน และแม่แจ่ม ได้รวม 5 ราย
และขณะนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยังได้สนับสนุนกำลังชุดปฏิบัติการไฟป่าจากภาคอีสาน และภาคใต้ เข้ามาช่วยในการดับไฟป่า อีก 400 ราย โดยจะกระจายลงพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือแล้ว
ด้านนายชุติเดช มณีจันทร์ นายอำเภออมก๋อย จ.เชียงใหม่ บอกว่า อ.อมก๋อย มีพื้นที่ 1,300,000 ไร่ มีประชากรอยู่ 60,000 คน ที่ผ่านมามีจุด Hotspot อยู่ประมาณ 100 จุด เมื่อเทียบกับพื้นที่อื่น ถือว่า มีการเผามาก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นการเผาเพื่อทำการเกษตร และที่อยู่อาศัย เพราะชาวบ้าน อ.อมก๋อย ทำการเกษตรแบบไร่เลื่อนลอย แต่ละรายจะเตรียมพื้นที่ไว้ 5-7 แปลง หมุนเวียนปลูกพืชต่าง ๆ เช่น พริก, มะเขือ, กะหล่ำปลี, ฟักทอง ฯลฯ
“ที่จริงแล้วถ้าทางราชการส่งเสริมให้ชาวบ้าน และชาวกระเหรี่ยง ทำนาขั้นบันไดตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ก็จะอยู่บนพื้นฐานในการดำรงชีวิตที่ไม่ต้องเบียดเบียนป่าไม้ และไม่ต้องเข้าไปหาพื้นที่ในการเพาะปลูกอีกต่อไปได้”
ขณะที่นายสันติชาติ ยิ่งสิ้นสุวัฒน์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแม่ศึก อ.แม่แจ่ม บอกว่า ปัญหาส่วนใหญ่ในพื้นที่คือ เมื่อมีการเกิดไฟป่าหน่วยงานต่างๆ ก็เรียกกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และหน่วยงานในพื้นที่มาประชุม มาเร่งรัดและตรวจสอบ แต่พอถึงฤดูฝนก็ลืมเรื่องนี้กันไปเลย ไม่มีการแก้ปัญหากันอย่างต่อเนื่อง
นายสันติชาติ บอกว่า การแก้ปัญหานั้น ต้องทำโครงการพิเศษที่เข้ามาช่วยลดหมอกควันโดยเฉพาะ เพราะเป็นเรื่องการพัฒนาคุณภาพชีวิต หากอาชีพไม่เหมาะสม ก็ไร้ประโยชน์ การประชาสัมพันธ์ในเรื่องของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ดิน น้ำ ป่า ต้องมีการเผยแพร่ทำเป็นกระบวนการที่ชัดเจน โดยมีการร่วมมือทั้งนักวิชาการ และชาวบ้านในพื้นที่
“ไม่ว่าคุณจะใช้กฎหมายดีแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีจิตสำนึกก็ไม่มีผล อีกทั้งพอมีการเผาไร่จริง ก็ไม่มีหน่วยงานไหนมาให้ความรู้กับชาวบ้านเรื่องการดูแลทรัพยากรธรรมชาติ หรือผลกระทบเมื่อเผาป่า”
นายสันติชาติ บอกว่า การแก้ไขปัญหาหมอกควันต้องทำกันเป็นทีม เหมือนกับการเล่นฟุตบอล มีกองหน้าในการเข้าพื้นที่ในการดับไฟ กองกลาง ส่งกำลังบำรุงให้กับกองหน้าที่เข้าไปยังจุดเกิดเหตุไฟป่า กองหลังคือ หน่วยงานทางราชการที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ ที่จะต้องมีอุปกรณ์ในการดับไฟ ทุกตำแหน่งทุกคนต้องทำหน้าที่และต้องทำงานกันเป็นทีมถึงจะประสบความสำเร็จ ซึ่งในสถานที่จริงไม่ได้ง่ายเหมือนที่นักวิชาการเข้าใจ พื้นที่เป็นป่าเขา ยากลำบากในการเข้าถึงจุดที่เกิดเหตุเพลิงไหม้
ขณะที่ รศ.นพ.ชายชาญ โพธิรัตน์ คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้คนเชียงใหม่ ได้สูดดมมลพิษเกินค่ามาตรฐาน ซึ่งหากเด็กทารก หรือผู้สูงอายุสูดดมเข้าไปอาจจะเกิดปัญหาทางเดินหายใจ หรืออาจมีผลเรื่องปอด และอวัยวะภายในมากยิ่งขึ้น
สำหรับผู้หญิงที่ตั้งท้อง อาจจะเสี่ยงต่อผลกระทบต่อพันธุกรรมของเด็กในครรภ์ได้ และระบบในอวัยวะปอด เส้นเลือด หัวใจ อาจจะทำงานได้ไม่เต็มที่ ผลกระทบเฉียบพลันนั้นจะมีมากยิ่งขึ้น ค่าของมลพิษที่เพิ่มขึ้นในแต่ละวัน อาจจะทำให้มีผลต่อการ ติดเชื้อในทางเดินหายใจ หรือไซนัสอักเสบด้วย
ล่าสุดขณะนี้พบว่า ผู้ป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสวนดอกในปีนี้ เป็นโรคภูมิแพ้เพิ่มขึ้นเป็น 42% แล้ว จากเดิมอยู่ในระดับ 38% นอกจากนี้ยังมีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคมะเร็ง ความดันสูง ซึ่งโรคทั้งหมดนี้เกิดจากการสะสมฝุ่นละอองที่เข้าไปอยู่ในร่างกายมากเกินไป จึงอยากจะฝากบอกถึงคนเชียงใหม่ที่อยู่ภายนอกอาคารให้ระมัดระวังในการสูดดมอากาศโดยตรงและหาเครื่องป้องกันเพื่อลดการสูดดมมลพิษที่จะเข้าสู่ร่างกาย
https://www.youtube.com/watch?v=WAteAGwj5m8
https://www.youtube.com/watch?v=3uxJLgsWpTg
https://www.youtube.com/watch?v=llSBUp2HFpk