เกาหลีใต้ยืนยันในวันนี้ (4 มิ.ย.) ชายชราวัย 82 ปีซึ่งเสียชีวิตไปตั้งแต่คืนวันพุธ (3) เป็นผู้ที่ติดเชื้อกลุ่มอาการ “เมอร์ส” ทำให้เขากลายเป็นรายที่ 3 ในแดนโสมขาวที่สิ้นชีพไปจากการระบาดของไวรัสชนิดนี้ ขณะเดียวกันก็ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 36 ราย สถานการณ์เช่นนี้กำลังทำให้ประชาชนผวาหนัก สถาบันการศึกษากว่า 1,100 แห่งปิดทำการ ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติหลายพันคนยกเลิกแผนการเดินทางสู่เกาหลีใต้ กระทั่งเกาหลีเหนือก็แสดงความไม่วางใจ เรียกร้องติดตั้งกล้องสำหรับตรวจจับอุณหภูมิร่างกาย ที่นิคมอุตสาหกรรมแกซอง ซึ่งอยู่ใกล้ชายแดน
กระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้ระบุในคำแถลงว่า ชายชราผู้นี้ซึ่งเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการหืดหอบและปอดอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ได้พักอยู่ในห้องเดียวกันกับคนไข้อื่นๆ ที่กำลังป่วยด้วยเชื้อไวรัสกลุ่มอาการทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (เมอร์ส) ก่อนเสียชีวิตไปในคืนวันพุธ
คนไข้รายนี้ยังกลายเป็นผู้ป่วยรายที่ 36 ที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อเมอร์สในเกาหลีใต้ ซึ่งกลายเป็นประเทศที่ไวรัสชนิดนี้ระบาดรุนแรงที่สุดนอกภูมิภาคตะวันออกกลาง
ในบรรดาผู้ติดเชื้อที่พบล่าสุด ปรากฏว่ามี 2 รายเป็นเจ้าหน้าที่ที่ดูแลรักษาผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้
https://www.youtube.com/watch?v=-uWQUZKG_EY
ขณะเดียวกัน กองทัพเกาหลีใต้สั่งกักกันทหารกว่า 20 คนที่มีอาการน่าสงสัยว่าติดเชื้อเมอร์ส ในจำนวนนี้เป็นทหาร 6 คนที่ติดต่อกับทหารอากาศเกาหลีใต้คนหนึ่งซึ่งประจำอยู่ที่ฐานทัพอากาศโอซาน ทางใต้ของกรุงโซล และได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อไวรัสนี้
ทั้งนี้ ผู้ติดเชื้อรายแรกในแดนโสมขาวเป็นชายวัย 68 ปี ซึ่งได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อชนิดนี้เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม หลายวันทีเดียวภายหลังเดินทางกลับจากซาอุดีอาระเบียด้วยอาการป่วย โดยที่ขณะแพทย์ยังไม่ทราบชัดว่าชายผู้นี้ป่วยเป็นอะไรนั้น เขาได้ไปรับการรักษาที่โรงพยาบาล 2 แห่ง และคลินิกตรวจคนไข้อีก 2 แห่งในเกาหลีใต้ ทำให้กลายเป็นผู้ที่แพร่เชื้อออกไปอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในโรงพยาบาลแห่งที่เขาถูกจัดให้พักปะปนกับคนไข้อื่นๆ
นับจากนั้นมาจนถึงเวลานี้ มีผู้คนกว่า 1,600 รายถูกกักกันโรค เนื่องจากอาจเป็นผู้ที่สัมผัสกับไวรัสชนิดนี้โดยตรงหรือโดยอ้อม และอยู่ภายใต้ระดับกักกันต่างๆ กัน โดย 160 คนในจำนวนนี้ถูกกักกันในสถานที่ที่ทางการจัดไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ ขณะที่ส่วนใหญ่ได้รับคำแนะนำให้เฝ้าระวังอาการอยู่ที่บ้านและจำกัดการติดต่อมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่น
ทั้งคณะบริหารของประธานาธิบดีพัค กึน-ฮเย และพวกเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ต่างถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า ประมาทไม่มีความพร้อมในการเตรียมรับมือกับการระบาด
ในการประชุมฉุกเฉินร่วมกับพวกเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเมื่อวันพุธ (3) พัคเรียกร้องให้ “ใช้ความพยายามสูงสุด” เพื่อจำกัดการระบาดของเมอร์สและบรรเทาความกังวลของประชาชน
ปัจจุบัน มีผู้ติดเชื้อไวรัสเมอร์สทั่วโลกจำนวน 1,161 คน โดยมีที่เสียชีวิตไป 436 ราย ทั้งนี้พบการติดเชื้อในกว่า 20 ประเทศ ที่รุนแรงที่สุดคือ ซาอุดีอาระเบีย
ไวรัสสายพันธุ์นี้ซึ่งยังไม่มียารักษาหรือวัคซีนป้องกัน ถือว่าอันตรายมากกว่าแต่ก็มีความสามารถในการแพร่เชื้อน้อยกว่าไวรัส “ซาร์ส” หรือกลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคนในเอเชียตะวันออกเมื่อปี 2003 โดยเมอร์สมีอัตราการเสียชีวิตถึง 38%
องค์การอนามัยโลก (ฮู) คาดว่า จะพบผู้ติดเชื้อในเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น แต่ย้ำว่า “ไม่มีหลักฐาน” บ่งชี้ว่า ไวรัสนี้ จะแพร่เชื้อในชุมนุมได้อย่างยาวนาน
ที่กรุงโซล ความกังวลของประชาชนสะท้อนให้เห็นจากภาพผู้คนจำนวนมากบนรถโดยสารประจำทางและรถไฟใต้ดิน พากันสวมหน้ากากป้องกันโรค ขณะที่โทรศัทพ์สายด่วนเมอร์สของรัฐบาลได้รับการติดต่อสอบถามกว่า 3,000 สายเมื่อวันพุธ
กระทรวงศึกษาธิการเกาหลีใต้แถลงว่า นับถึงวันพฤหัสบดี มีสถาบันการศึกษา ตั้งแต่โรงเรียนอนุบาลจนถึงมหาวิทยาลัย 1,164 แห่งระงับการเรียนการสอนชั่วคราว
สื่อมวลชนเกาหลีใต้ยังรายงานว่า ช่วงเช้าวันพฤหัสบดี เกิดการแตกตื่นในย่านกังนัม ของกรุงโซล เมื่อเจ้าหน้าที่แพทย์ในชุดป้องกันเดินทางไปยังโรงแรมแห่งหนึ่งในย่านนั้น เพื่อนำตัวชาวตะวันออกกลางผู้หนึ่งที่มีอาการป่วยไปกักกันโรคที่โรงพยาบาล
ความกังวลนี้ยังลุกลามข้ามพรมแดน โดยองค์การท่องเที่ยวเกาหลีเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า มีนักท่องเที่ยวราว 7,000 คน ส่วนใหญ่จากจีนและไต้หวัน ยกเลิกแผนการเดินทางสู่เกาหลีใต้ โดยให้เหตุผลสำคัญคือ กังวลกับการระบาดของเมอร์ส
นอกจากนั้น กระทรวงรวมชาติของเกาหลีใต้ยังเผยว่า ได้ยอมตามข้อเรียกร้องจากเกาหลีเหนือในการติดตั้งกล้องจับภาพความร้อน สำหรับตรวจจับอุณหภูมิร่างกาย ขึ้นในนิคมอุตสาหกรรมแกซอง เพื่อตรวจหาผู้ที่แสดงอาการว่าอาจติดเชื้อเมอร์ส
นิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวอยู่ในเกาหลีเหนือ ห่างจากชายแดน 10 กิโลเมตร และทุกวันมีผู้บริหารชาวเกาหลีใต้ราว 500 คนข้ามฝั่งไปบริหารจัดการโรงงานต่างๆ ที่ว่าจ้างแรงงานเกาหลีเหนือรวมประมาณ 53,000 คน