กลุ่มติดอาวุธไอเอส ออกมาประกาศอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุกราดยิงสังหารหมู่ 39 ศพที่ริมชายหาดโรงแรม อิมพิเรียล มาร์ฮาบา ของตูนิเซียวันนี้ (27) ขณะที่รัฐบาลตูนิสสั่งปิดมัสยิด 80 แห่งนอกการควบคุมของรัฐฐานเผยแพร่แนวคิดรุนแรง
ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุคนร้ายปลอมตัวเป็นนักท่องเที่ยวซุกปืนในร่มบังแดด เข้าไปกราดยิงนักท่องเที่ยวบริเวณชายหาดของโรงแรม อิมพีเรียล มาร์ฮาบา เมื่อวันศุกร์(26มิ.ย.) เพิ่มเป็น 39 ศพ โดยมีชาวต่างประเทศ เช่น อังกฤษ เยอรมนี และเบลเยียม รวมอยู่ด้วย
คำแถลงที่ไอเอสเผยแพร่ผ่านสื่อทวิตเตอร์ ระบุว่า มือปืนผู้ก่อเหตุคือ อบู ยะห์ยา อัล-ค็อยราวานี เป็น “ทหารแห่งรัฐคอลีฟะห์” ที่ต้องการกำจัดศัตรูของไอเอส และ “ซ่องโสเภณี” ที่ท่าเรือ พอร์ต เอล คันตาวี (Port el Kantaoui)
พวกเขาอ้างว่า คนที่ถูกฆ่าส่วนใหญ่ “เป็นคนของรัฐที่รวมตัวเป็นพันธมิตรครูเสดต่อสู้กับรัฐคอลีฟะห์” และการโจมตีครั้งนี้พุ่งเป้าไปที่ “แหล่งซ่องสุมของพวกโสเภณี… และพวกปฏิเสธศรัทธาในเมืองซูสส์ (Sousse)” แม้จะมีมาตรการความปลอดภัยแน่นหนาก็ตาม
ไอเอสยังเชิญชวนให้บรรดาแนวร่วมก่อเหตุโจมตีให้รุนแรงยิ่งขึ้นในช่วงเดือนรอมฎอน
เหตุสังหารหมู่ที่รีสอร์ตชื่อดังริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงตูนิเซียไปทางใต้เพียง 140 กิโลเมตร ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 39 รายและบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นการโจมตีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ ถัดจากเหตุกราดยิงที่พิพิธภัณฑ์บาร์โดในกรุงตูนิสเมื่อเดือนมีนาคมที่คร่าชีวิตเหยื่อไป 22 ศพ และถูกอ้างความรับผิดชอบโดยกลุ่มไอเอสเช่นกัน
ปฏิบัติการโจมตีสุดเลือดเย็นนี้เกิดขึ้นในช่วงเดือนอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิม โดยในวันเดียวกันนั้นยังเกิดเหตุโจมตีโรงงานแห่งหนึ่งในฝรั่งเศส และพบศพไร้หัว 1 ร่างมีข้อความภาษาอาหรับเขียนกำกับไว้ นอกจากนี้ยังมีเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่มัสยิดในคูเวตที่คร่าชีวิตพลเรือนไปกว่า 20 คน
นายกรัฐมนตรี ฮาบีบ เอสซิด แห่งตูนิเซีย ได้เปิดแถลงข่าวเมื่อวันนี้(27) โดยระบุว่า ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นพลเมืองอังกฤษ รองลงมาได้แก่ชาวเยอรมันและชาวเบลเยียม
นอกจากนี้ยังมีคำสั่งปิดมัสยิด 80 แห่งทั่วประเทศที่ยังอยู่นอกเหนือการควบคุมของรัฐบาลภายใน 1 สัปดาห์ เนื่องจากเผยแพร่แนวคิดหัวรุนแรง
https://www.youtube.com/watch?v=954zBmWbasQ