องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ออกโรงเรียกร้องให้บรรดาประเทศผู้บริจาคเร่งให้ความช่วยเหลือต่อผู้อพยพจำนวน 3.9 ล้านคนที่หนีตายจากผลพวงของสงครามกลางเมืองในซีเรีย ระบุเงินช่วยเหลือ “ยังต่ำกว่าเป้าอื้อ” และอาจกระทบต่อชะตากรรมของเหยื่อสงครามเหล่านี้
สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (The Office of the UN High Commissioner for Refugees : UNHCR) ออกคำแถลงวิงวอนประเทศผู้บริจาคทั่วโลกเร่งสมทบเงิน ช่วยเหลือผู้อพยพชาวซีเรียจำนวนมากกว่า 3.9 ล้านคนที่ต้องอพยพจากประเทศบ้านเกิดเมืองนอน เพราะผลพวงจากสงครามกลางเมืองซีเรียที่ปะทุขึ้นตั้งแต่เดือน มี.ค. ปี 2011
ข้อมูลล่าสุดของยูเอ็นเอชซีอาร์ระบุว่า ภารกิจในการดูแลผู้อพยพจากสงครามกลางเมืองซีเรียนั้น ต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่า 4,530 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 152,990 ล้านบาท) แต่จนถึงเวลานี้เงินบริจาคเพื่อการนี้ที่ยูเอ็นเอชซีอาร์ได้รับเพิ่งมีเพียง 1,060 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 35,820 ล้านบาท) หรือคิดเป็น 23 เปอร์เซ็นต์ของยอดเงินทั้งหมด ที่ต้องนำไปใช้เพื่อดูแลผู้อพยพชาวซีเรียที่ในขณะนี้มีจำนวนมากกว่า 3.9 ล้านคน และหลบหนีไปอาศัยตามชายแดนของประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่รายรอบ
อันโตนิว กูเตร์เรส ข้าหลวงใหญ่ชาวโปรตุเกส วัย 66 ปีของยูเอ็นเอชซีอาร์ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งนี้มาตั้งแต่เมื่อปี ค.ศ. 2005 ระบุว่า วิกฤตผู้อพยพจากสงครามกลางเมืองซีเรีย ถือเป็นวิกฤตที่ต้องการความร่วมมือ และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของนานาชาติในการแก้ปัญหา และถึงเวลาแล้วที่ทุกประเทศโดยเฉพาะบรรดาประเทศผู้บริจาคจะต้องแสดงบทบาทของการร่วมรับผิดชอบต่อสังคมโลกให้มากกว่าที่เป็นอยู่
ก่อนหน้านี้ บรรดากลุ่มเคลื่อนไหวด้านผู้อพยพและองค์กรสิทธิมนุษยชนทั่วโลกเคยคาดการณ์ว่า จะมีผู้อพยพจากสงครามซีเรียราว 1.6 ล้านคนที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนด้านอาหารในปีนี้ ขณะที่เด็กๆชาวซีเรียราว 750,000 รายต้อง “ออกจากระบบการศึกษา” อย่างถาวรจากผลของสงครามกลางเมืองที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ สงครามกลางเมืองซีเรียที่ปะทุขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2011 ได้คร่าชีวิตชาวซีเรียไปแล้วมากกว่า 230,000 รายขณะที่ราว 3.9 ล้านคนต้องอพยพหนีตายออกนอกประเทศ และชาวซีเรียอีกมากกว่า 7.2 ล้านคนต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่นภายในประเทศของตัวเอง