“บิ๊กตู่” ยันทำถูกส่งอุยกูร์กลับ ชี้ตุรกียังรุนแรงต้องปิดสถานทูต ขอสื่ออย่าโยงขัดแย้ง

“ประยุทธ์” เผยสถานกงสุลไทยถูกบุกในตุรกีต้องดูคนปลอดภัยหรือไม่ ชี้อุยกูร์ที่ส่งกลับก่อเหตุ ขออย่าเอาไปเป็นคู่ขัดแย้งใคร ให้แก้ไขระดับรัฐบาล ฉุนเจอถามให้ส่งเจ้าหน้าที่ดูแล ย้อนหน้าที่รัฐบาลตุรกี รับคุยฝ่ายมั่นคง-กต.ตุรกีแล้ว ขอเห็นใจไทยชาติตรงกลางบ้าง ชี้ส่งแล้วมีปัญหาก็ไม่ใช่ปัญหาเรา สั่ง กต.ประเมินรุนแรงอยู่ปิดสถานทูต รับสัมพันธ์ยังดี แจงส่งกลับจีนเข้าสู่กระบการยุติธรรม ทำถูกแล้ว วอนสื่ออย่าทำให้เป็นเรื่อง

ASTV รายงานวันพฤหัสบดี (9) ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการก่อเหตุรุนแรงที่สถานกงสุลไทยในตุรกีว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นทราบมาตั้งแต่ต้นแล้ว เวลานี้เราอย่าไปดูหรือห่วงแค่สถานกงสุล แต่ต้องดูว่าคนของเราปลอดภัยหรือไม่ ในส่วนของความเสียหายก็ต้องเสียหายเป็นธรรมดา จะมากน้อยแค่ไหนก็ต้องว่ากันไป เสียหายเมื่อไหร่ก็ซ่อมได้ วันนี้เราต้องดูความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ และต้องมาดูว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นเพราะสาเหตุอะไร และไทยไปเกี่ยวข้องแค่ไหน

“อย่าลืมว่าวันนี้เราไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้ง ขอร้องว่าอย่าเอาเราไปเป็นคู่ขัดแย้งทุกเรื่องเลย วันนี้เราเป็นประเทศที่อยู่ตรงกลาง ไม่ว่าจะเป็นประเทศไหนก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายและพันธกรณีระหว่างประเทศทั้งสิ้น มันมีกระบวนการตรวจสอบการพิสูจน์สัญชาติ มีความผิดอะไรหรือไม่ เราในฐานะประเทศคนกลางก็ต้องตรวจสอบและแยกส่งให้เกิดความชัดเจน ถ้าเราไม่ทำแบบนี้มันก็มีปัญหา ซึ่งที่ผ่านมาเราก็ส่งกลับไปยังประเทศต่างๆ ตามขั้นตอนและหลักฐาน ซึ่งบางประเทศมีปัญหามากกว่านี้เสียอีก อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกิดขึ้นในเรื่องนี้ขอให้มีการแก้ไขกันในระดับรัฐบาลดีกว่า ยืนยันว่าขณะนี้เรากำลังทำอยู่” นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่า การดูแลความปลอดภัยจะส่งเจ้าหน้าที่ของเราเข้าไปดูหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอย่างมีอารมณ์ฉุนเฉียวว่าจะส่งใคร จะให้เจ้าหน้าที่ที่ไหนไป แล้วจะไปได้อย่างไร เอากำลังพลไปได้หรือไม่เล่า เรื่องนี้อย่าลืมว่ามันเป็นหน้าที่ของรัฐบาลตุรกี เราก็ต้องไปถามทางตุรกีว่าดูแลความปลอดภัยให้เราได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม วันนี้ได้คุยกับเอกอัครราชทูตตุรกีแล้ว ฝ่ายความมั่นคงและกระทรวงการต่างประเทศก็ได้มีการพูดคุยแล้วเช่นกัน ผู้นำไม่จำเป็นต้องคุยกันทุกเรื่อง กฎหมายมันมีอยู่แล้ว ระเบียบวิธีปฏิบัติก็มีอยู่แล้ว แต่สิ่งอื่นที่เกิดขึ้นมาก็เป็นการเรียกร้องเพิ่มเติมก็ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันและทุกอย่างเมื่อดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ก็ให้ถือเป็นเรื่องปกติ และต้องเห็นใจประเทศไทยที่อยู่ตรงกลางบ้าง เราไม่อยากไปขยายความขัดแย้งอยู่แล้ว ที่ผ่านมาเรายึดหลักของสิทธิมนุษยชนและเคารพกฎหมายต่างๆ แต่อย่าลืมว่าต้องเคารพกฎหมายของแต่ละประเทศเขาด้วย แต่เมื่อเราส่งไปแล้วหากมีปัญหามันก็ไม่ใช่ปัญหาของเราแล้ว สื่อก็ต้องไปย้อนถามกลับประเทศนั้นๆ ว่าเมื่อส่งไปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ของไทย เมื่อกลับไปแล้วสงบหรือไม่ กลับไปประเทศตุรกีแล้วมีการไปล้อมสถานทูตจีนและทำลายเขาไปแล้วครั้งหนึ่ง แสดงว่าควบคุมอะไรไม่ได้เลย

“แต่ผมก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องของผม ก็ส่งไปให้แล้ว มันอยู่ที่กติกา สัญญาว่าอย่างไรในขณะที่อีกประเทศหนึ่งสัญญาว่าจะดูแลให้ดีที่สุด ให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่ไปใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาและลงโทษ มีการรับรองซึ่งทั้งหมดก็ต้องรับรองซึ่งกันและกันด้วย ทั้งนี้ผมก็ให้กระทรวงการต่างประเทศประเมินดูว่า ถ้าสถานการณ์ยังเกิดความรุนแรงขึ้นก็อาจจะต้องปิดสถานทูตไทยในตุรกีแล้วหาที่ทำงานใหม่ เพื่อให้เกิดความปลอดภัย วันนี้ยืนยัน เรายังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตุรกีอยู่ วันนี้เราต้องช่วยกันลดแรงกดดันลงไปให้ได้ ไม่เช่นนั้นมันจะกลับมาที่ตัวเราเอง อย่าลืมว่าเราเป็นประเทศที่อยู่กลางทาง เหมือนกรณีปัญหาการค้ามนุษย์โรฮีนจา เนื่องจากมีการหลบหนีข้ามแดนมาอยู่กับเรา เราต้องพิสูจน์สัญชาติว่าใครเป็นพวกไหน อย่างไร เกิดที่ไหน ก็ต้องส่งกลับไปตามนั้น”

เมื่อถามย้ำว่า ข้อตกลงที่ไทยคุยไว้กับทางการจีน คือ เมื่อกลับไปแล้วกลุ่มอุยกูร์เหล่านี้ต้องกลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็ต้องผ่านกระบวนการยุติธรรม และจะดูแลความปลอดภัยโดยจีนยืนยันว่าจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ถ้าไม่เกี่ยวข้องก็จะปล่อยตัว หาที่ทำกินให้ แต่ถ้ามีหลักฐานประจักษ์ชัดเจนก็ต้องดำเนินคดี ยืนยันว่าไทยปฏิบัติถูกต้องทุกประการ ไม่ต้องมากังวล ตนทำอะไรระมัดระวังอยู่แล้ว วันนี้ขออธิบายให้ชาวมุสลิมได้ทราบว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เราจะไปทำลายใครทั้งสิ้น ความมุ่งหวังของเราคือให้เกิดความสงบสุขมากที่สุด ก็เหมือนกับกรณีถ้าเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นไม่ว่าจะกรณีใดก็ตามก็ต้องไปดูตามพันธะสัญญาของกฎหมาย เราจะไปทำตามใจตนเองไม่ได้ หรือจะเข้าข้างใดข้างหนึ่งก็ไม่ได้ ต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงให้ได้ก่อน วันนี้ก็ขึ้นอยู่กับหลักฐานต่างๆ ที่ได้มา หลักฐานใครพร้อมและชัดเจนมากกว่าก็ต้องส่งกลับไป

เมื่อถามว่า ขณะนี้ทางตุรกี ได้ช่วยดูแลสถานทูตไทยอย่างไรบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขาก็ต้องดูแลเรา เราคงจะไปสั่งเขาไม่ได้ วันนี้ก็ได้ขอร้องเขาไปแล้วว่าให้ช่วยดูแลก็อยู่ที่ว่าเขาจะดูแลเราได้แค่ไหน มีขีดความสามารถแค่ไหน แต่ปัญหามันอยู่ที่ความรุนแรงเกิดขึ้นเพราะคนกลุ่มนี้ เมื่อถามว่า คนไทยที่อาศัยในตุรกีขณะนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เท่าที่ได้รับรายงานยังไม่มีผลกระทบ ถ้ามีก็คงมีการรายงานขึ้นมา ถ้ารายงานมาเมื่อไหร่ก็ทราบเมื่อนั้น เรื่องนี้ตนรู้มาตั้งแต่ต้นจนจบ

เมื่อถามต่อว่า กลุ่มที่เคลื่อนไหวทำลายทรัพย์สินของทางการไทยเป็นกลุ่มไหน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ก็เป็นกลุ่มที่ส่งกลับไปนั่นแหละ กลับไปรวมกลุ่มกับไอ้คนที่อยู่เก่าอยู่แล้วที่ตุรกีเขารับเข้าไปอยู่ในประเทศเขาไง ก็เป็นเรื่องของเขา เขาต่อสู้ตามแนวความคิดของเขา ก็เป็นเรื่องของเขาสิ ทำไมจะต้องเอาไทยไปขัดแย้งกับตุรกี ขัดแย้งกับจีน หรืออุยกูร์ ความจริงไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับเราสักเรื่องเลย อย่าไปกังวลเรื่องนี้เลย เดี๋ยวมันก็คลี่คลาย ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวก็บานปลายไปสู่เรื่องนั้นเรื่องนี้ไปถึงชาวมุสลิมกลายเป็นเรื่องใหญ่โต สื่อก็ช่วยกันทำให้เรื่องต่างๆ มันลดลงหน่อยได้หรือไม่ ผมไม่ได้ขัดแย้งกับมุมมองของสื่อ แต่ขอให้มองว่าผลประโยชน์ของประเทศชาติอยู่ตรงไหน ความขัดแย้งอยู่ที่ไหน ถ้ามัวแต่ไปขยายความขัดแย้งอยู่อย่างนี้ หาเรื่องไปเรื่อยๆ ปัญหาไม่มีวันจบก็ขอให้สื่อเลิกเสียที เรื่องไหนมีการอธิบายแล้วก็ขอให้จบ ไม่ต้องไปขุดคุ้ยให้มันได้อะไรขึ้นมา”

ความคิดเห็น

comments

ใส่ความเห็น