ชาติต่างๆ ในสหภาพยุโรปเห็นพ้องยกระดับความพยายามส่งผู้อพยพที่หลบหนีความขัดสนทางเศรษฐกิจกลับประเทศ ด้วยการเร่งรัดเนรเทศและบีบประเทศต้นทางให้รับคนเหล่านี้กลับประเทศ
อียูได้พิจารณาทบทวนมานานหลายเดือนแล้วถึงแนวทางการลดจำนวนการเดินทางมาถึงของเหล่าผู้ลี้ภัยจากแอฟริกา ตะวันออกกลาง และเอเชีย ซึ่งต้องยอมเสี่ยงตายข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนหวังเข้ามาหาความเป็นอยู่ที่ดีกว่าในอดีตเจ้าอณานิคม ในยุโรป
ประเทศต่างๆ ให้สัญญาว่าจะมอบที่พักพิงแก่ผู้อพยพที่หลบหนีความขัดแย้งและความรุนแรงจากชาติต่างๆ อย่างซีเรีย และเอริเทรีย แต่ขณะเดียวกันพวกเขาก็ต้องการจัดการกับการเข้ามาของผู้อพยพที่หลบหนีความขัดสนในประเทศต่างๆ ที่ไม่มีภัยสงคราม
ในความพยายามปรามผู้อพยพทางเศรษฐกิจครั้งใหม่ เหล่ารัฐมนตรีที่รับผิดชอบด้านนโยบายคนเข้าเมืองจะพบปะกันในลักเซมเบิร์ก วันพฤหัสบดีนี้ (8 ตุลาคม) เพื่อตกลงกันถึงมาตรการต่างๆ สำหรับขัดขวางการอพยพผิดกฎหมาย “อียูและชาติสมาชิกต้องดำเนินการมากกว่าที่เป็นอยู่ในแง่ของการส่งตัวกลับ การเพิ่มอัตราการส่งคืนจะเป็นตัวยับยั้งการอพยพที่ไม่เป็นระเบียบ” ร่างสรุปของที่ประชุมระบุ
ข้อมูลจากคณะกรรมาธิการยุโรประบุว่า จนถึงตอนนี้ประเทศต่างๆ ในอียูเพิ่่งเนรเทศผู้อพยพที่ลักลอบอยู่ในดินแดนอย่างผิดกฎหมายได้แค่ราวๆ ร้อยละ 40 โดยแต่ละปีจะมีผู้อพยพหลายแสนคนที่ถูกปฏิเสธคำขอลี้ภัย ยังคงลักลอบพักอาศัยอยู่ในยุโรป หรือไม่ยอมเดินทางกลับสู่มาตุภูมิหลังวีซ่าหมดอายุ
ร่างสรุปที่พบเห็นโดยรอยเตอร์แนะนำว่า ขอให้ใช้การกักกันเป็นมาตรการทางเลือกสุดท้าย และเร่งเร้าให้แต่ละประเทศเพิ่มประสิทธิภาพในการกักกัน เพื่อรับประกันว่าผู้อพยพผิดกฎหมายจะไม่หายตัวไปก่อนถูกส่งตัวกลับ
เพื่อรับประกันว่าจะได้รับความร่วมมือจากประเทศภูมิลำเนาของผู้อพยพ เหล่ารัฐมนตรีต้องการให้มอบเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมแก่ชาติต่างๆในแอฟริกาและเอเชีย ที่ยอมรับพลเมืองกลับ พร้อมขู่เล่นงานประเทศที่ไม่ยอมดำเนินการตาม โดยมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นการลงโทษทางวีซ่า
นอกจากนี้แล้ว เหล่าคณะรัฐมนนตรียังต้องการเพิ่มบทบาทของ Frontex หน่วยงานควบคุมชายแดนของอียู ในการเนรเทศผู้อพยพ
เมื่อปีที่แล้ว Frontex จัดการเนรเทศผู้อพยพแค่ 3,000 คน ซึ่งตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างมากภายใต้อำนาจใหม่ที่เปิดทางให้เข้าช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ของประเทศต่างๆ ในการตระเตรียมเที่ยวบินหรือขอคำรับรองหนังสือเดินทางจากประเทศมาตุภูมิของผู้ที่จะถูกเนรเทศ