ฮัฟตอม ซาร์ฮูม( Haftom Zarhum )ผู้อพยพชายชาวเอริเทรียนวัย 29 ปีถูกชาวยิวผู้โหดร้ายรุมทำร้ายจนเสียชีวิตบริเวณสถานีรถบัสในเมืองเบียร์เชบา (Beersheba) ทางใต้ของอิสราเอลเมื่อวันอาทิตย์ (18 ตุลาคม) โดยผู้ลงมือคนแรกคือตำรวจอิสราเอลที่ลั่นไกใส่ผู้อพยพรายนี้ที่ในขณะนั้นยืนอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุปะทะกันระหว่างชาวยิว และชาวปาเลสไตน์ ก่อนที่เขาจะถูกฝูงชนชาวยิวที่โหดร้ายรุมประชาทัณฑ์จนเสียชีวิต
อัลญะซีเราะฮ์ รายงานวันจันทร์(19 ตุลาคม)ว่า เกิดเหตุโจมตีรอบใหม่ในเมืองเบียร์เชบา (Beersheba) ทางใต้ของอิสราเอลเมื่อวันอาทิตย์(18 ตุลาคม)เมื่อชาวปาเลสไตน์แย่งปืนไรเฟิล M-16 ประจำกายของทหารอิสราเอล ก่อนยิงทหารรายดังกล่าวเสียชีวิตที่โรงพยาบาล และคนอื่นๆอีก 10 คนบาดเจ็บที่บริเวณสถานีรถบัส
หลัวชาวปาเลสไตน์รายดังกล่าวถูกเจ้าหน้าที่อิสราเอลยิงเสียชีวิตแล้ว ตำรวจอิสราเอลกลับก่อเหตุยิงฮัฟตอม ซาร์ฮูม(Haftom Zarhum)ผู้อพยพชายชาวเอริเทรียนวัย 29 ปีที่ยืนอยู่ในที่เกิดเหตุเสียชีวิตเพราะคิดว่าเป็นชาวปาเลสไตน์ที่ก่อเหตุกราดยิงรายที่ 2
โดยในภาพวิดีโอคลิปที่ถูกเผยแพร่ผ่านโลกออนไลน์แสดงให้เห็นซาร์ฮูมถูกฝูงประชาชนชาวยิวที่บ้าคลั่งรุมทำร้าย ก่อนที่ชายวัย 29 ปีจะเสียชีวิตภายหลังในโรงพยาบาล
และในวิดีโอคลิปยังปรากฏภาพทหาร IDF คนหนึ่งใช้เท้าเตะไปที่ศรีษะของซาร์ฮูมในขณะที่นอนจมกองเลือดบนถนน ในขณะที่อีกคนได้ยกม้านั่งยาวขึ้นและทุ่มลงไปบนศรีษะของเขาด้วยเข้าใจว่าเขาคือชาวปาเลสไตน์ แต่มีชายอีกคนใช้เก้าอี้สูงคร่อมร่างของซาร์ฮูมไว้
ด้านโฆษกตำรวจอิสราเอล มิกกี โรเซนเฟลด์ (Micky Rosenfeld)ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า “ซาร์ฮูมถูกสำคัญผิดว่าเป็นคนร้ายจริง”
“ชายดังกล่าวถูกประชาชนชาวอิสราเอลที่อยู่ในบริเวณนั้นรุมทำร้ายจริง ซึ่งทางเรากำลังรวบรวมหลักฐานจากกล้องวงจรปิดเพื่อสอบหาความจริงต่อไป” โรเซนเฟลด์แถลง
นอกจากนี้โฆษกตำรวจอิสราเอลยังแถลงเพิ่มเติมว่า “คนร้ายชาวปาเลสไตน์ใช้มีดแทงทหาร IDF 1 นายและได้ขโมยปืนไรเฟิล M-16 อาวุธประจำตัวไป และได้เปิดฉากยิงที่สถานีรถบัส ในขณะทหารอิสราเอลเจ้าของปืนเสียชีวิตในโรงพยาบาล
และหลังจากเกิดเหตุตำรวจอิสราเอลแถลงถึงรายระเอียดชาวปาเลสไตน์ที่ถูกยิงเสีัยชีวิตว่า คือ มูแฮนด์ อาลูคาบี ( Muhand Alukabi) วัย 21 ปี ชาวเมืองฮูรา ( Hura) ในเนเกฟ( Negev)
อัลญะซีเราะฮ์รายงานว่า เหตุโจมตีล่าสุดทำให้ตัวเลขรวมเสียชีวิตจากความไม่สงบนี้อยู่ที่ 52 คน เป็นชาวปาเลสไตน์ 44 คนและชาวอิสราเอล 8 คน โดยมีฉนวนเหตุมาตั้งแต่วันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมาเมื่ออิสราเอลใช้กำลังคุ้มกันให้นักการเมืองอิสราเอล และนักบวชยิวเข้าทำพิธีทางศาสนาในมัสยิดอัล-อักซอ และยังคงกีดกัน และไล่สังหารชาวปาเลสไตน์ที่พยายามเข้าไปละหมาดที่มัสยิดมาอย่างต่อเนื่อง
ด้านสหรัฐฯจะส่งรัฐมนตรีต่างประเทศ จอห์น เคร์รีย์บินด่วนเพื่อไปพบปะกับผู้นำปาเลสไตน์และผู้นำอิสราเอลในเวลานี้เพื่อหาทางออกเหตุความขัดแย้งรอบใหม่หลังเริ่มมีการเสียชีวิตของชาวยิว
แต่ความพยายามของนานาชาติล้มเหลวเมื่อ นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ได้ปฎิเสธข้อเสนอผรั่งเศสในการที่จะส่งผู้สังเกตการณ์นานาชาติไปยังมัสยิดอัล-อักซอ สถานศักดิ์สิทธิ์สำคัญอันดับ 3 ของศาสนาอิสลาม ที่อิสราเอลต้องการทำลายและสร้างวิหารของชาวยิวขึ้นแทนที การปฎิเสธดังกล่าวมีขึ้นทั้งที่พื้นที่ตั้งของมัสยิดไม่ใช่พื้นที่ของอิสราเอล