เมื่อวันอาทิตย์(25 ตุลาคม) กลุ่มนีโอนาซี 600 คน จัดม็อบชุมนุมขับไล่ผู้ลี้ภัย เจอชาวเยอรมัน 10,000 ชุมนุมต้านแนวคิดไร้มนุษยธรรม ก่อนปะทะกันบาดเจ็บ 5 ราย ทางการระดมตำรวจ 3,500 นายเข้าคุม
สำนักข่าว RT ของรัสเซียรายงานในวันอาทิตย์(25)ว่า เกิดการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มต่อต้านอิสลามเยอรมันขวาจัด ‘Hooligans Against Salafists(HOGESA)’ หรือ นักเลงต่อต้านอิสลาม ของกลุ่มนีโอนาซีร่วม 600 คน และกลุ่มเยอรมันจำนวน 10,000 คนที่ได้มีการระดมพลต่อต้านม็อบของกลุ่มหัวรุนแรงในเมืองโคโลญเมื่อวานนี้(25)
ส่งผลทำให้ทางการเมืองโคโลญต้องระดมตำรวจปราบจลาจลร่วม 3,500 นายเพื่อรักษาความปลอดภัยในการประท้วงของกลุ่มต่อต้านอิสลามที่ต้องการขับไล่ผู้ลี้ภัย และกลุ่มชาวเยอรมันที่สนับสนุนให้รัฐบาลให้ดูแลผู้ลี้ภัยตามหลักมนุษยธรรม
โดยก่อนหน้านี้ก่อนหน้านี้ทางตำรวจโคโลญได้ร้องขอต่อศาลให้ออกสั่งห้ามการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่ม HOGESAที่มีกำหนดการเดินขบวนในวันอาทิตย์(25) แต่ทว่าคำขอกลับถูกทำให้ตกไป โดยผู้พิพากษาได้ระบุในคำวินิจฉัยว่า พลเรือนเยอรมันมีสิทธิที่จะสามารถรวมตัวเพื่อแสดงจุดยืนทางการเมืองโดยไม่มีการเคลื่อนที่ได้ตามกฎหมาย ซึ่งทางกลุ่มHOGESAสามารถจัดการชุมนุมได้ แต่ไม่สามารถเดินขบวนไปตามท้องถนนในเมืองโคโลญ
อย่างไรก็ตาม เดลีเมล ของอังกฤษรายงานในวันเดียวกันว่า การประท้วงเกิดขึ้นบริเวณถนนใจกลางเมืองโคโลญ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นตัวขวางกั้นระหว่างกลางระหว่างทั้งสองกลุ่ม
และในช่วงเริ่มต้น มีเหตุการณ์ปะทะเล็กน้อยเกิดขึ้นระหว่างตำรวจปราบจลาจลและกลุ่มผู้ประท้วงที่รวมตัวกันเพื่อต่อต้านกลุ่มขวาจัด ก่อนที่ทางตำรวจจะใช้กระสุนน้ำแยกทั้งสองกลุ่มออกจากัน ตำรวจเมืองโคโลญให้ความเห็นผ่านสื่ออังกฤษ
สำนักข่าว RT ยังรายงานเพิ่มเติมว่า ในขณะที่การประท้วงของกลุ่มขวาจัดมี โดมินิค ฮอร์สต์ โรเซเลอร์ (Dominik Horst Roeseler) เป็นผู้นำ ขณะที่กลุ่มที่ชุมนุมต่อต้านกลุ่มขวาจัดมีแนวร่วมจำนวนมาก โดยเริ่มรวมตัวกันในเขตดอยซ์ (Deutz)
ในขบวน ผู้ชุมนุมต่างถือป้ายข้อความ “ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน” และ “เปิดพรมแดนเดี๋ยวนี้” รวมไปถึงข้อความ “การเหยียดสีผิวเป็นปัญหา” และ “ทุกคนมีสิทธิอยู่ในเยอรมันได้ทั้งหมด”
สื่อท้องถิ่นเยอรมันรายงานว่า การปะทะเกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนที่จะเริ่มต้นเดินขบวน ส่งผลทำให้มีผู้บาดเจ็บจำนวน 5 ราย โดยผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งพยายามปิดกั้นการเดินทางเข้ามาของสมาชิกกลุ่มนีโอนาซีที่นิยมลัทธิฟาร์สซิส ที่เดินทางด้วยรถไฟที่จะมาถึงสถานีรถไฟดอยซ์ ด้วยการปิดกั้นบริเวณทางออกไว้ เพราะไม่ต้องการให้กลุ่มนีโอนาซีขวาจัดเหล่านี้สามารถเดินทางไปรวมตัวกับกลุ่ม HOGESA ที่กำลังเดินขบวนในจุดใหญ่ได้สำเร็จ
และทำให้ตำรวจปราบจลจลที่ปฎิบัติหน้าที่ในบริเวณนั้น ต้องใช้กำลังขับไล่ผู้ประท้วงขวาจัดให้ออกจากตัวสถานีรถไฟไป
แต่ทว่าไม่นานนัก มีรายงานว่าผู้ประท้วงฝ่ายซ้ายราว 150 คนได้เข้าไปปะทะกับเจ้าหน้าที่ ส่งผลทำให้ทางตำรวจต้องใช้แก๊สน้ำตากับผู้ประท้วงเหล่านั้นใกล้กับสนามกีฬาลาเซส (Lanxess)ที่มีรายงานว่า มีการปะทะเกิดขึ้น และผู้ประท้วงได้จุดไฟเผา
