รัฐบาลสหรัฐฯออกมาระบุเมื่อวันเสาร์ (2 มกราคม) ว่าการประหารชีวิตแกนนำกลุ่มกบฎชีอะห์ของศาลซาอุดีอาระเบียอาจทวีความตึงเครียดระหว่างศาสนา พร้อมเรียกร้องให้ผู้นำทุกคนในตะวันออกกลางพยายามเป็นสองเท่าในการลดความตึงเครียดในภูมิภาค
“เรายืนยันข้อเรียกร้องของเราต่อรัฐบาลซาอุดีอาระเบียที่ให้เคารพและปกป้องสิทธิมนุษยชน และทำให้แน่ใจว่าการพิจารณาคดีในทุกๆ คดีมีความยุติธรรมและโปร่งใส” จอห์น เคอร์บี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวในถ้อยแถลง หลังจากการประหารชีวิต นิมร์ อัล-นิมร์ และคนอื่นๆอีก 46 คน ที่ส่วนมากเป็นสมาชิกกลุ่มอัลกออิดะห์
การประหารชีวิตดังกล่าว เป็นสัญญาณว่ารัฐบาลริยาดห์จะไม่อดทนต่อการโจมตีใดๆ ไม่ว่าผู้ก่อเหตุจะเป็นชาวมุสลิมหรือไม่ก็ตาม การประหารชีวิตครั้งนี้กระตุ้นให้ชาวชีอะห์หลายร้อยคนออกมาเดินขบวนในจังหวัดทางภาคตะวันออกของซาอุดีอาระเบีย
ในรัฐฮาวายซึ่งประธานาธิบดี บารัค โอบามา กำลังหยุดพักกร้อนอยู่กับครอบครัว เบ็น โรดส์ รองที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวระบุว่ารัฐบาลได้เรียกร้องให้ซาอุดีอาระเบียแสดงความอดทดอดกลั้นในเรื่องการเคารพสิทธิมนุษยชน
“ผมคิดว่าเราส่วนใหญ่มีความกังวลเกี่ยวกับประเด็นสิทธิมนุษยชนในซาอุดีอาระเบีย และอีกครั้งเรายังอยากที่จะเห็นการดำเนินการโดยซาอุดีอาระเบียและประเทศอื่นๆ เพื่อลดความตึงเครียดระหว่างนิกายในภูมิภาคนี้” โรดส์กล่าว
เคอร์บีเตือนความทรงจำว่าก่อนหน้านี้สหรัฐเคยแสดงความกังวลเกี่ยวกับระบบกฎหมายของซาอุดีอาระเบีย และได้นำความกังวลเหล่านี้มาพูดคุยอย่างจริงจังกับรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย
เขากล่าวว่าสหรัฐฯก็เรียกร้องให้รัฐบาลซาอุดีอาระเบียยอมให้มีการแสดงออกอย่างสันติของผู้เห็นต่างและให้ทำงานร่วมกับผู้นำทุกชุมชนเพื่อลดความตึงเครียดด้วย
ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมาชาวมุสลิมในสหรัฐมักตกเป็นเป้าโจมตีของกลุ่มขวาจัดหัวรุนแรงในสหรัฐ และกลุ่มเคลื่อนไหวมุสลิมจำนวนมากกลับถูกกล่าวหาเป็นกลุ่มก่อการร้าย และถูกกวาดล้างโดยรัฐบาลสหรัฐโดยไม่เปิดโอกาสให้มีการแสดงออกทางความคิดที่แตกต่างแต่อย่างใด
ขณะที่สหรัฐอเมริกาก็มิได้ออกมาวิจารณ์กระบวนการยุติธรรมของอิหร่านที่มีการประหารชีวิตแกนนำชาวมุสลิมในอิหร่าน 27 รายเมื่อปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมาแต่อย่างใด