ทางการซาอุดีอาระเบียยืนยันการตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่านจะไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อกระบวนการสันติภาพในซีเรียและเยเมน ชี้ที่ผ่านมาอิหร่านก็ไม่ได้มีส่วนสนับสนุนเชิงบวกต่อกระบวนการสันติภาพอยู่แล้ว
อับดุลเลาะห์ อัล-มูอัลลิมี ผู้แทนซาอุฯ ประจำสหประชาชาติ ยืนยันกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันจันทร์ (4 มกราคม) ว่า “สำหรับเราคงจะไม่มีผลอะไร เพราะเราก็ยังคงมุ่งมั่นทำงานหนักเพื่อสนับสนุนกระบวนการสร้างสันติภาพในซีเรียและเยเมนต่อไป”
ซาอุดิอาระเบียประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่านเมื่อวันอาทิตย์(3) หลังผู้ประท้วงชาวชีอะห์ที่บ้าคลั่งในกรุงเตหะรานบุกทำลายทรัพย์สินและจุดไฟเผาสถานทูตซาอุดิอาระเบีย หลังการยั่วยุของผู้นำสูงสุดอิหร่าน
มูอัลลิมี ยืนยันว่า ซาอุดีอาระเบีย “จะเข้าร่วมการเจรจาสันติภาพซีเรียรอบถัดไป และจะไม่คว่ำบาตรการประชุมเพียงเพราะเรื่องอิหร่าน”
“ก่อนที่เราจะตัดสัมพันธ์ทางการทูต อิหร่านก็ไม่ได้มีส่วนสนับสนุนเชิงบวกต่อกระบวนการสันติภาพมากมายอะไรนักอยู่แล้ว… พวกเขาแสดงจุดยืนเชิงลบและยั่วยุเสมอ และผมก็ไม่คิดว่าการตัดความสัมพันธ์ครั้งนี้จะทำให้พวกเขายอมเปลี่ยนพฤติกรรม”
ในจดหมายที่ส่งถึงคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น มูอัลลิมี ได้เรียกร้องให้ยูเอ็น “ใช้ทุกมาตรการที่เหมาะสมเพื่อรับรองความปลอดภัยให้แก่ทรัพย์สินทางการทูต และนักการทูตซาอุฯ ในอิหร่าน”
ซาอุดิอาระเบียยังได้ส่งจดหมายถึงเลขาธิการสหประชาชาติ บัน คี มุน เพื่อยืนยันว่า นักโทษทั้ง 47 คนที่ถูกประหารชีวิต รวมถึง นาย นิมมาร์ อัล-นิมมาร์ “ได้รับการไต่สวนอย่างเป็นธรรมและยุติธรรม โดยทางการซาอุฯ ไม่ได้มีอคติเกี่ยวกับระดับสติปัญญา เชื้อชาติ หรือนิกายที่พวกเขานับถือ”
ด้าน สตัฟฟาน เดอ มิสตูรา ทูตพิเศษซีเรียของสหประชาชาติ ก็ได้เดินทางไปที่กรุงริยาด และจะต่อไปยังเตหะรานในสัปดาห์นี้ เพื่อขอคำรับรองว่าวิกฤตการทูตระหว่างทั้ง 2 ประเทศจะไม่ทำลายกระบวนการสันติภาพซีเรียที่มีแนวโน้มคืบหน้าไปมากแล้ว
เดอ มิสตูรา คาดหวังว่าการเจรจาสันติภาพที่นครเจนีวาระหว่างฝ่ายประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย และฝ่ายต่อต้านรัฐบาล จะสามารถเริ่มขึ้นได้ภายในวันที่ 25 มกราคม
