ประธานาธิบดีตุรกี เรียกร้องขอพบผู้นำรัสเซียเป็นการส่วนตัว หลังเครื่องบินรบรัสเซียละเมิดน่านฟ้าตุรกีใกล้พรมแดนซีเรียอีกครั้งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (29 มกราคม) โดยเครื่องบินรบของรัสเซียเพิกเฉยต่อประกาศเตือนจากหน่วยเรดาร์ทางอากาศ ด้านรัสเซียปฎิเสธหน้าตายกล่าวหาตุรกี “โฆษณาชวนเชื่อโคมลอย”
เจ้าหน้าที่ตุรกีระบุว่า เครื่องบินรบแบบ SU-34 ของรัสเซียเพิกเฉยต่อประกาศเตือนทั้งภาษารัสเซียและอังกฤษจากหน่วยเรดาร์ทางอากาศ ก่อนที่จะรุกล้ำเข้าสู่น่านฟ้าตุรกีเมื่อเวลา 09.46 น. ตามเวลาเมืองกรีนิช (เวลาไทย 16.46 น.) ในวันศุกร์
ต่อมาในวันเสาร์ (30) ประธานาธิบดีรอยับ ตอยยิบ ออโดกัน ของตุรกี ระบุว่าได้สั่งการให้กระทรวงต่างประเทศแจ้งกับรัสเซียว่า ต้องการพบปะหารือเป็นการส่วนตัวกับประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แต่ยังไม่มีการตอบกลับจากรัสเซียแต่อย่างใด
การรุกล้ำน่านฟ้าครั้งล่าสุดทำให้ตุรกีเรียกเอกอัครราชทูตรัสเซียเข้าพบเป็นกรณีฉุกเฉิน โดยกระทรวงการต่างประเทศตุรกีออกแถลงการณ์ว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการบ่งชี้อย่างเป็นรูปธรรมว่า รัสเซียต้องการสร้างปัญหาเพิ่ม แม้มีคำเตือนอย่างชัดเจนจากตุรกีและองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ก็ตาม
“เราเรียกร้องอย่างเปิดเผยและชัดเจนให้รัสเซียดำเนินการอย่างรับผิดชอบเพื่อไม่ให้มีการละเมิดน่านฟ้าตุรกีซึ่งหมายถึงน่านฟ้านาโตเกิดขึ้นอีก เราขอย้ำอีกครั้งว่า สหพันธรัฐรัสเซียจะได้รับผลลัพธ์ร้ายแรงอย่างไม่พึงประสงค์จากพฤติกรรมที่ไร้ความรับผิดชอบในลักษณะดังกล่าว” แถลงการณ์จากกระทรวงต่างประเทศตุรกีระบุ
ด้านเลขาธิการใหญ่นาโต เจนส์ สโตลเทนเบิร์ก เรียกร้องให้รัสเซียรับผิดชอบและเคารพน่านฟ้านาโต
“รัสเซียต้องดำเนินมาตรการทั้งหมดที่จำเป็นเพื่อรับประกันว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีก ซึ่งเหตุการณ์ครั้งก่อนได้แสดงให้เห็นแล้วว่า พฤติกรรมดังกล่าวอันตรายเพียงใด” สโตลเทนเบิร์ก กล่าวพร้อมประกาศชัดเจนว่า นาโตจะยืนหยัดเคียงข้างตุรกี
ทางด้าน อิกอร์ โคนาเชนคอฟ โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ออกมาตอบโต้ตุรกีโดยอ้างว่า ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวเป็นเพียง “โฆษณาชวนเชื่อโคมลอย” โดยยืนยันว่า เครื่องบินของกองทัพอากาศรัสเซียในซีเรียไม่ได้ละเมิดน่านฟ้าตุรกี
ทั้งนี้ ผู้นำตุรกีและรัสเซียไม่ได้พบกันอีกเลยนับจากเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ตอนที่เครื่องบิน F-16 ของตุรกียิงเครื่องบินรบ SU-32 ของรัสเซียที่บินรุกล้ำน่านฟ้าตุรกีตก ขณะที่รัสเซียมิกล้าตอบโต้ชาติสมาชิกนาโต้อย่างตุรกีด้วยกำลัง แต่เลือกใช้วิธีโฆษณาชวนเชื่อและการตอบโต้ด้วยการค้าแทน
นอกจากนี้รัสเซียยังกล่าวหาว่าตุรกีได้รับประโยชน์จากการลอบค้าน้ำมันกับกลุ่ม ISIL ในซีเรียน แต่ทว่าตุรกีเปิดข้อมูลที่สอดคล้องกับข้อมูลข่าวกรองของยุโรประบุว่ากลุ่ม ISIL ได้ขายน้ำมันให้กับรัฐบาลชีอะห์ของบาชาร์ อัล-อัสซาด โดยมีชาวรัสเซียเชื้อสายซีเรียเป็นพ่อค้าคนกลาง นอกจากนั้นยังมีวิศวกรน้ำมันจากซีเรียเข้าช่วยเหลือโรงกลั่นในการควบคุมของ ISIL ในการซ่อมบำรุงเพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งน้ำมันอีกด้วยโดยที่รัสเซียมิได้ชี้แจงข้อกล่าวหาดังกล่าวของตุรกีแต่อย่างใด