กองทัพรัสเซียออกมาระบุเมื่อวันศุกร์(6 พฤษภาคม) อ้างว่าไม่มีเครื่องบินไหนๆบินอยู่เหนือค่ายผู้อพยพซีเรีย ซึ่งถูกโจมตีทางอากาศอย่างรุนแรงนองเลือดเมื่อวันพฤหัสบดี(5) พร้อมกล่าวอ้างว่ามันน่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มอัน-นุสเราะห์ ฟอนต์ ที่ยิงปืนใหญ่ถล่มค่ายดังกล่าว
“เราได้ศึกษาข้อมูลจากข้อมูลเฝ้าระวังน่านฟ้าในพื้นที่ดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคมถึงวันที่ 5 พฤษภาคม 2016 อย่างพินิจพิเคราะห์แล้ว ซึ่งไม่พบว่ามีเที่ยวบินของรัสเซียหรือเครื่องบินอื่นๆเลย” อิกอร์ คานาสเชนคอฟ โฆษกของกองทัพรัสเซียบอกกับสำนักข่าวรัสเซีย
“หากพิจารณาจากสภาพความเสียหายที่พบเห็นในภาพถ่ายหรือวิดีโอ ค่ายนี้อาจถูกโจมตีด้วยปืนใหญ่อย่างตั้งใจหรือไม่ก็เป็นการยิงจรวดพลาดเป้า ขณะที่เครื่องยิงจรวดเป็นที่นิยมของพวกก่อการร้ายจากอัน-นุสเราะห์ ในพื้นที่นี้อย่างมาก” คานาสเชนคอฟอ้างเพื่อปัดความรับผิดชอบ
ก่อนหน้านี้ในวันพหัสบดี(5) ทาง ซีเรียน อ็อบเซอร์วาทอรี ฟอร์ ฮิวแมน ไรต์ส กลุ่มติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งในซีเรียที่มีฐานอยู่ในอังกฤษ ระบุว่าแหล่งข่าวซึ่งเป็นนักเคลื่อนไหวในพื้นที่ยืนยันว่าเหตุการณ์นี้เป็นปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ คร่าชีวิตผู้คน 28 ศพ ในนั้นมีทั้งผู้หญิงและเด็ก บาดเจ็บอีกกว่า 50 คน และคาดหมายว่ายอดเหยื่อ ณ ค่ายผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ ใกล้เมืองซาร์มาดา น่าจะสูงกว่านี้
“การโจมตีทางอากาศ 2 เที่ยวลงเป้าหมายค่ายลี้ภัยชั่วคราวของผู้ที่หลบหนีการสู้รบในเมืองอเลปโปและพัลไมรา ทางภาคใต้ของประเทศ ค่ายถูกระเบิดลงตรงๆ ผมได้ยินมาว่าเต็นท์ที่พักไฟลุกท่วม” จากการเปิดเผยของ อบู อิบราฮิม อัล-ซาร์มาดี นักเคลื่อนไหวจากเมืองอัตเมห์ที่อยู่ใกล้ๆ กัน ซึ่งมีโอกาสได้พูดคุยกับผู้คนที่อยู่ใกล้กับค่ายที่ถูกโจมตี
เซอิด ราอัด อัล ฮุสเซน ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติระบุในวันศุกร์(6) ว่าค่อนข้างแน่นอนว่าการโจมตีค่ายผู้พลัดถิ่นในจังหวัดอิดลิบของซีเรียไม่ใช่อุบัติเหตุ และอาจเทียบเท่ากับการก่ออาชญากรรมสงคราม พร้อมระบุว่ายังไม่มีการตรวจสอบว่าใครอยู่เบื้องหลัง แต่ตามรายงานข่าวเบื้องต้นเป็นปฎิบัติการของกองกำลังของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด
อย่างไรก็ตามกองทัพซีเรียได้ออกมาปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีค่ายผู้อพยพดังกล่าว ซึ่งอยู่ในดินแดนที่กลุ่มอัน-นุสเราะห์ และพันธมิตรฝ่ายต่อต้านซีเรียให้การดูแลผู้ลี้ภัยอยู่ที่นั่น