เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (4 ตุลาคม) ที่มัสยิดบ้านบาลูกาฮีเล หมู่ที่ 6 ตำบลบาตง อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส นายสิทธิชัย ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วยนายซาฟีอี เจ๊ะเล๊าะ ประธารคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด ตำรวจ ทหาร ผู้นำท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่จำนวนกว่า 800 คน ให้การต้อนรับโดยการเยี่ยมมัสยิดประจำหมู่บ้านในครั้งนี้ภายใต้โครงการเยี่ยมมัสยิด ผู้นำศาสนาและสัปบุรุษ สร้างศรัทธา ประชารัฐร่วมใจ ร่วมรับฟังปัญหาจากชาวบ้านเพื่อนำไปแก้ไขอย่างตรงจุด โดยเฉพาะการชี้แจงกรณีการแก้ปัญหาราคาผลไม้ตกต่ำ และแนวทางการแก้ไขของจังหวัดที่มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการแก้ปัญหาลองกองที่กำลังออกผลในช่วงนี้ เพื่อยกระดับราคาและหาตลาดรองรับให้ประชาชนและผู้ประกอบการสามารถทำอาชีพนี้ได้อีก พร้อมมอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนที่เรียนดีแต่มีฐานะยากจนรวม 5 ทุนๆ ละ 1,000 บาท ด้วย
ด้านนายถาวร บุญศรี หัวหน้าศูนย์บริการด้านพลังงานที่ 8 จังหวัดงขลา กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กล่าวว่า ในขณะนี้ได้ดำเนินการนำร่องไปแล้ว 15 แห่งในปี 59 ได้รับการตอบรับจากพื้นที่เป็นอย่างดีในเรื่องของโครงการด้านพลังงานโซล่าเซล หรือพลังงานไฟฟ้าจากพลังแสงอาทิตย์ โดยเฉพาะคณะกรรมการอิสลามประจำมัสยิด รวมถึงผู้นำชุมชน และในปี 2560 กรมพลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงานกระทรวงพลังงานจะดำเนินการในโครงการดังกล่าวอีก 15 ที่ โดยจะกระจายนำร่องเข้ามาในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส 5 แห่งๆ ละ แผงโซล่าเซลและเสาไฟฟ้า 6 ต้น หลอดไฟฟ้า LED 30 หลอด
ซึ่งจะสามารถลดค่าใช้จ่ายในการใช้พลังงานไฟฟ้ากว่าครึ่งหนึ่งจากเดิม มัสยิดจะมีค่าไฟฟ้าเดือนละ 680 บาท เหลือเพียงเดือนละ 263 บาท จังหวัดปัตตานี 5 แห่ง และจังหวัดยะลา อีก 5 แห่ง โดยในเบื้องต้นจะนำร่องก่อน 15 แห่ง เพื่อขอคำแนะนำและนำไปพิจารณาในรายละเอียดของโครงการว่ามีจุดใดบ้างที่ต้องมาปรับเปลี่ยนแก้ไข และหลังจากนั้นจะนำข้อมูลต่างๆ มากำหนดเป็นวาระในการดำเนินการอย่างเต็มที่ เพื่อให้มัสยิดทุกแห่งในพื้นที่เป้าหมายใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ได้รับการปรับเปลี่ยนในหลอดไฟแบบ LED ทั้งหมด เพื่อนำไปสู่การลดใช้พลังงานและลดค่าใช้จ่ายของมัสยิดด้วยอีกทางหนึ่งด้วย และพลังงานแสงอาทิตย์เป็นเรื่องใหม่ที่เข้ามาในพื้นที่จึงต้องทำความเข้าใจในองค์ความรู้ ซึ่งได้แก้ปัญหาด้วยการใช้นักวิชาการท้องถิ่น ผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น เข้ามาร่วมด้วยการบอกต่อให้ชาวบ้านได้รับรู้และเข้าใจถึงความสำคัญแบบผสมผสารภาษาถิ่นและภาษากลางไปพร้อมๆ กัน จึงสามารถแก้ปัญหาไปได้เยอะ
ด้านนายซาการียา บินยูซูป ประธานมูลนิธิพัฒนาชุมชนเป็นสุข 3 จังหวัดชายแดนใต้ จังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า เรื่องเกี่ยวกับพลังงานเป็นเรื่องที่ทันสมัย และที่ลงโครงการนี้ถ่ายทอดและเผยแพร่ความรู้กับมิติของศาสนานั้น เป็นเรื่องที่ต้องการมากๆ โดยเฉพาะโครงการได้ลงตามมัสยิดซึ่งเป็นศูนย์กลางการบริหารไอย่างดี เพราะฉะนั้นเรื่องพลังงานและเทคโนโลยีก็เป็นเรื่องใกล้ตัว และยังเป็นเครื่องมือที่จะนำคนไปสู่ความสามัคคีและปรองดองในชุมชนอย่างยั่งยืน จึงอยากเรียกร้องให้กระทรวงพลังงานฯ เอามัสยิดที่เป็นศูนย์กลางของชุมชนเป็นผู้ริเริ้มในการจัดการด้านพลังงาน เพื่อขยายผลไปสู่พื้นที่อื่นๆ ส่งผลให้พี่น้องเราได้เรียนรู้ด้านพลังงานมากขึ้น และยังมีความต้องการเพิ่มมากขึ้นทุกปี จึงอยากขอการสนับสนุนจากรัฐบาลเพื่อขยายผลในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้มากขึ้น โดยมัสยิดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีจำนวนกว่า 2,000 แห่ง ซึ่งจะสามารถขับเคลื่อนนำไปสู่สันติภาพและสันติสุขได้อย่างยั่งยืน