กองกำลังชีอะห์ในระบอบบาชาร์ อัล-อัสซาด เปิดฉากโจมตีอเลปโปอีกครั้งหลังข้อตกลงหยุดยิงระหว่างฝ่ายต่อต้านซีเรีย และกองกำลังบาชาร์ อัล-อัสซาด โดยตุรกีเป็นตัวกลางในการเจรจาโดยที่ทางสหรัฐอเมริกาไม่รู้เรื่องข้อตกลงหยุดยิงที่เกิดขึ้นเพื่อเปิดทางให้มีการอพยพประชาชน แต่ข้อตกลงดังกล่าวไม่ได้รับการยอมรับจากกองกำลังชีอะห์ และรัฐบาลอิหร่าน และการโจมตีเกิดขึ้นอีกครั้งหลังจากหยุดยิงได้ไม่ถึง 24 ชั่วโมง
จากเดิมมีกำหนดเริ่มการอพยพผู้คนตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคม แต่กลับไม่ปรากฏว่ามีการอพยพของผู้คนออกจากพื้นที่แต่อย่างใด ขณะที่รถโดยสารสีเขียวที่จอดรอขนผู้อพยพ ยังไม่มีการเคลื่อนที่ไปไหน โดยฝ่ายต่อต้านซีเรียออกมาชี้แจงในเบื้องต้นว่า การเริ่มอพยพผู้คนอาจจะต้องล่าช้าออกไปเป็นวันที่ 15 ธันวาคม เนื่องจากความดื้อดึงของอิหร่านและกองกำลังติดอาวุธกลุ่มชีอะห์ ที่เป็นพันธมิตรของบาชาร์ อัล-อัสซาด ที่ไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงดังกล่าว
ด้านนายเมฟลุต คาวูโซกลู รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกี เปิดเผยว่า กองทัพซีเรียและกลุ่มอื่นๆ ได้พยายามขัดขวางข้อตกลงที่จะเปิดทางให้พลเรือนและฝ่ายต่อต้านซีเรียอพยพออกจากเมืองอเลปโป ซึ่งตนจะหาทางพูดคุยกับรัสเซียและอิหร่านในเรื่องดังกล่าวต่อไป
ด้าน AFP รายงานจากการเปิดเผยของกระทรวงกลาโหมของรัสเซียว่า กองทัพซีเรียได้เริ่มปฏิบัติการบุกฝั่งตะวันออกของอเลปโปอีกครั้ง โดยกล่าวหาว่าฝ่ายต่อต้านละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ขณะที่นายเซร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียคาดว่าการต่อต้านของฝ่ายต่อต้านซีเรียในเมืองอเลปโปจะสิ้นสุดในอีก 2-3 วันข้างหน้า และหวังว่าถึงเวลาดังกล่าวแล้วสถานการณ์ในเมืองอเลปโปจะสามารถแก้ได้เสร็จสิ้น
โดยก่อนหน้านี้ผู้สื่อข่าว AFP ที่อยู่ในพื้นที่ยึดครองของซีเรียฝั่งตะวันตกของอเลปโป รายงานว่า ไม่มีเสียงยิงต่อสู้หรือทิ้งระเบิดมาตั้งแต่เวลา 15.00 น. ของวันอังคาร (13) ขณะที่ศูนย์สังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรียยอมรับว่า ภายในเมืองอเลปโปเงียบสงบ
ศูนย์สังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรีย ระบุว่า การอพยพประชาชนคาดว่าจะเริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 5.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น (3.00 GMT) เป็นต้นไป แต่มีรายงานล่าสุดว่า การอพยพผู้คนออกจากฝั่งตะวันออกของอเลปโปล่าช้ากว่าที่กำหนดไว้ในวันพุธ (14) โดยยังไม่ทราบสาเหตุ
รามี อับดุลเราะห์มาน ผู้อำนวยการศูนย์สังเกตการณ์ ระบุว่า พลเรือนกลุ่มแรกควรจะเดินทางออกจากเมืองตั้งแต่ 5.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (3.00 GMT) ทว่าผ่านมาแล้ว 1 ชั่วโมงกลับยังไม่มีความเคลื่อนไหว ขณะที่แหล่งข่าวของรอยเตอร์ก็เผยว่า จนถึงเวลา 6.15 น.รถบัสสีเขียวที่ระบอบการปกครองส่งมาเพื่อใช้ในการขนส่งประชาชนก็ยังไม่แล่นเข้าไปในฝั่งตะวันออกของเมือง
ข้อตกลงหยุดยิงมีขึ้นท่ามกลางเสียงประณามจากนานาชาติต่อเหตุรุนแรงและการสังหารหมู่ที่เกิดขึ้น ในขณะที่กองทัพอัสซาดจู่โจมเข้าปิดล้อมฐานที่มั่นสุดท้ายของฝ่ายต่อต้านซีเรียในเมืองใหญ่แห่งนี้
ผู้แทนจากฝ่ายต่อต้านซีเรียหลายฝ่ายบอกกับ AFP ว่า ข้อตกลงนี้จะเปิดทางให้พลเรือนและนักรบสามารถอพยพออกจากอเลปโป เพื่อไปยังพื้นที่ปกครองอีกแห่งของฝ่ายต่อต้านซีเรียที่อยู่ห่างออกไปเพียง 4 กิโลเมตร
“เราได้ข้อตกลงกันแล้ว” ยัสเซอร์ อัล-ยุสเซฟ จากสำนักงานการเมืองของกลุ่มนูรุดดิน อัล-ซินกี ซึ่งเป็นสมาชิกฝ่ายต่อต้านซีเรียกลุ่มใหญ่ ระบุ
“ในขั้นแรกจะเป็นการอพยพประชาชนและผู้บาดเจ็บออกไปก่อน จากนั้นอีกไม่กี่ชั่วโมง พวกนักรบก็จะได้รับอนุญาตให้ออกไปพร้อมกับอาวุธเบา”
ด้านสหรัฐฯ ระบุว่าไม่เคยได้รับการปรึกษาหารือในเรื่องนี้มาก่อน แต่ก็ยินดีสนับสนุนข้อตกลงใดๆ ที่จะช่วยปกป้องชีวิตชาวเมืองอเลปโป
“ข้อตกลงหยุดยิงจะบรรลุหรือจัดการด้วยวิธีใดไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่ขอให้มีขึ้นก็พอ” จอห์น เคอร์บีย์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลง
ซาแมนธา เพาเวอร์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำยูเอ็น ได้แจ้งต่อคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติว่า รัฐบาลสหรัฐต้องการให้มีผู้สังเกตการณ์นานาชาติเข้าไปตรวจสอบการอพยพประชาชนออกจากอเลปโปด้วย
เพาเวอร์ ได้แสดงความเป็นห่วง “ชาวบ้านที่อาจต้องการอพยพ ที่เกรงจะถูกยิงทิ้งกลางถนน หรือไม่ก็ถูกส่งไปยังค่ายกักกันนักโทษของกองกำลังระบอบบาชาร์ อัล-อัสซาด”