คณะตรวจสอบพม่ายันไม่มีรุนแรงต่อโรฮิงญา ขนาดชุมชน-มัสยิด ยังมีอยู่

คณะกรรมการตรวจสอบเหตุความรุนแรงในรัฐยะไข่ของพม่า เผยผลตรวจสอบเมื่อวันพุธ(4 มกราคม)ค้านสายตาคนทั้งโลก อ้างกองกำลังรักษาความมั่นคงไม่ได้ละเมิดสิทธิชาวโรฮิงญา ทั้งที่รัฐฯเพิ่งยอมรับ และสั่งดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ หลังมีคลิปทุบตี ทรมานชาวโรฮิงญาในพื้นที่

สหประชาชาติโดยองค์กร IOM ในบังกลาเทศยืนยันว่า มีชาวโรฮิงญาอย่างน้อย 34,000 คน หลบหนีความรุนแรงจากการปราบปรามอย่างรุนแรงในรัฐยะไข่ของพม่า เข้าไปในบังกลาเทศ นับตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา

ประชาชนอย่างน้อย 88 คนถูกสังหาร จากปฎิบัติการปราบปรามของกองกำลังความมั่นคงของพม่า ขณะเดียวกัน ผู้ที่หนีความรุนแรงเข้าไปในบังกลาเทศ ระบุว่ากองกำลังรักษาความมั่นคงของพม่าละเมิดสิทธิชาวมุสลิมทั้งการข่มขืน วางเพลิง สังหาร และทรมาน

รัฐบาลพม่าภายใต้การนำของนางอองซานซูจี ได้กล่าวก่อนหน้านี้ว่า ข้อกล่าวหาต่างๆ นั้นถูกสร้างขึ้น และยังต้องเผชิญต่อแรงกดดันของนานาประเทศรวมทั้งเพื่อนร่วมรางวังโนเบลสาขาสันติภาพ 13 คนที่ส่งจดหมายเปิดผนึก เรียกร้องให้สหประชาชาติเข้ามาแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในพม่า พร้อมระบุว่าซูจี ล้มเหลวในการจัดการกับปัญหาด้านสิทธิมนุษชน

ในขณะที่วันพุธ (4) คณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นเพื่อสืบสวนความรุนแรงได้เผยแพร่รายงานฉบับชั่วคราวปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่า กองกำลังรักษาความมั่นคงได้ก่อการละเมิดสิทธิ หรือดำเนินการบังคับให้ชาวโรฮิงญาต้องออกจากพื้นที่

“ขนาดของประชากรชาวเบงกาลี มัสยิด และศาสนสถาน ในพื้นที่ที่เกิดเหตุความไม่สงบ เป็นข้อพิสูจน์ได้ว่า ไม่มีกรณีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และการกดขี่ทางศาสนา” ส่วนหนึ่งของคำแถลงที่เผยแพร่ในสื่อของทางการ ระบุ

พม่าปฏิเสธที่จะยอมรับว่าโรฮิงญาเป็นหนึ่งในชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ของประเทศ และเรียกคนกลุ่มนี้ว่าเบงกาลี หรือผู้อพยพผิดกฎหมายจากบังกลาเทศ

คณะกรรมการตรวจสอบความรุนแรงที่กระทำโดยทหารของพม่าที่มีอดีตนายพลทางทหารเป็นหัวหน้าคณะชุดนี้ ยังระบุว่า ขาดหลักฐานการข่มขืน และยังคงพยายามหาข้อมูลในข้อกล่าวหาการวางเพลิง การจับกุมอย่างผิดกฎมาย และการทรมานชาวโรฮิงญา

คำแถลงดังกล่าวมีขึ้นไม่กี่วันหลังรัฐบาลเพิ่งสั่งควบคุมตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 นาย จากคลิปวิดีโอที่ตำรวจเป็นผู้ถ่ายไว้ ในขณะที่ตำรวจกลุ่มหนึ่งกำลังดำเนินการในการทุบตี และเตะชาวบ้านโรฮิงญา ซึ่งนับเป็นการยอมรับว่าการละเมิดสิทธิที่เกิดขึ้นตามข้อกล่าวหานั้นเป็นความจริง

ความคิดเห็น

comments