นอร์เวย์อุทธรณ์คำร้องฆาตกร 77 ศพ อ้างอยู่ในเรือนจำแบบไร้มนุษยธรรม

ศาลนอร์เวย์เริ่มพิจารณาคำร้องของรัฐบาลออสโลที่อุทธรณ์คัดค้านคำตัดสินของศาลชั้นต้นที่ว่า อันเดอร์ส เบห์ริง เบรวิก ฆาตกรสังหาร 77 ศพ ถูกปฏิบัติอย่าง “ไร้มนุษยธรรม” ขณะอยู่ในเรือนจำ

เดือน เมษายน ปีที่แล้ว ศาลแขวงกรุงออสโลได้มีคำพิพากษาว่า เบรวิก วัย 37 ปี ซึ่งก่อเหตุวางระเบิดใจกลางกรุงออสโล และกราดยิงเยาวชนในค่ายฤดูร้อนบนเกาะอูเทอยาเมื่อปี 2011 ถูกล่วงละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน และถูกเลือกปฏิบัติอย่างไร้มนุษยธรรม (inhumane) และย่ำยีศักดิ์ศรี (degrading) ขณะอยู่ในเรือนจำ

โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2011 ถือเป็นเหตุสังหารหมู่ครั้งเลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นในประเทศแห่งนี้ในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

นอร์เวย์ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่ให้ความเคารพต่อหลักนิติธรรมอย่างสูงสุด การถูกศาลพิพากษาว่าปฏิบัติต่อนักโทษอย่างไร้มนุษยธรรมจึงทำให้ภาครัฐต้องยื่นอุทธรณ์ในทันที

เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคมปี 2011 เบรวิกซึ่งแต่งกายเป็นตำรวจได้ใช้อาวุธปืนกราดยิงค่ายเยาวชนฤดูร้อนบนเกาะอูเทอยา และเดินไล่ล่าเหยื่อเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมงจนมีผู้เสียชีวิตถึง 69 ราย ส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียนวัยรุ่น

ในวันเดียวกันนั้นเขายังได้กดระเบิดโจมตีสำนักงานของรัฐบาลในกรุงออสโลจนมีผู้เสียชีวิต 8 ราย

เบรวิก ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 21 ปี ซึ่งอาจขยายเวลาต่อไปได้อีก หากศาลพิเคราะห์เห็นว่าเขายังเป็นอันตรายต่อสังคมอยู่

หนุ่มหัวรุนแรงขวาจัดรายนี้ถูกส่งตัวไปยังเรือนจำที่มี 3 ห้องเชื่อมต่อกัน โดยมีทั้งวิดีโอเกมและโทรทัศน์เป็นสื่อคลายเครียด เขายังได้รับอนุญาตให้ใช้คอมพิวเตอร์โดยไม่มีอินเทอร์เน็ต ใช้เครื่องออกกำลังกาย อ่านหนังสือ และรับหนังสือพิมพ์ได้

แม้จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกหลายอย่าง แต่ผู้พิพากษาศาลแขวงยังคงวินิจฉัยว่า สภาพความเป็นอยู่ของเบรวิกในเรือนจำขัดต่อมาตรา 3 ของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งยุโรป (European Convention on Human Rights)

“การห้ามปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร้มนุษยธรรมและย่ำยีศักดิ์ศรีถือเป็นค่านิยมพื้นฐานของสังคมประชาธิปไตย และใช้กับทุกกรณี ต่อให้เป็นผู้ก่อการร้ายหรือฆาตกรก็ตาม” เฮเลน อันเดแนส เซคูลิก ผู้พิพากษาศาลแขวง ระบุในคำพิพากษาของเธอ

ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้ก็คือการที่ เบรวิก ถูกแยกขังเดี่ยว โดยไม่มีโอกาสพบปะหรือทำกิจกรรมกับผู้อื่นมากเท่าที่ควร

ตลอดระยะเวลา 5 ปีครึ่ง บุคคลที่ เบรวิก ได้พบมีเพียงผู้คุมเรือนจำ ทนายความ และแพทย์ ซึ่งพูดคุยกับเขาผ่านหน้าต่างกระจก ส่วนมารดาของเขาเคยมาเยี่ยมครั้งหนึ่งก่อนที่เธอจะเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่อปี 2013

ศาลแขวงยังอ้างถึงการเปลื้องผ้าตรวจค้นร่างกายซึ่ง “สร้างความอับอาย” ให้แก่ผู้ต้องขัง การสวมกุญแจมือ และการปลุกผู้ต้องขังให้ตื่นบ่อยๆ เวลากลางคืน โดยเฉพาะในช่วงที่ เบรวิก ถูกส่งเข้าเรือนจำใหม่ๆ

เบรวิก เคยแสดงท่าทียั่วยุด้วยการทำท่าชูมือขวา “ไฮล์ ฮิตเลอร์” ขณะเดินทางไปขึ้นศาลเมื่อวันที่ 15 มีนาคมปีที่แล้ว และยังบ่นว่ากาแฟในเรือนจำไม่ร้อน อาหารเย็นชืด พร้อมเปรียบตัวเองเหมือนกับ “เนลสัน แมนเดลา”

ความคิดเห็น

comments