ทางการพม่ากล่าวว่า ได้ตกลงที่จะหารือกับฝ่ายบังกลาเทศเกี่ยวกับการส่งตัวผู้ที่ข้ามแดนกลับ แต่ย้ำว่าพม่าจะรับเฉพาะผู้ที่ข้ามแดนหลังจากวันที่ 9 ตุลาคมเท่านั้น
นับตั้งแต่พม่าเริ่มดำเนินการปฏิบัติการปราบปรามทางทหารในรัฐยะไข่ ตอบโต้เหตุโจมตีด่านชายแดนเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม จนเป็นเหตุให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 9 นาย มีประชาชนราว 69,000 คน หลบหนีการปราบปรามข้ามแดนไปฝั่งบังกลาเทศ
การหลั่งไหลข้ามพรมแดนเข้ามาเป็นจำนวนมากหลายระลอกเช่นนี้ ทางการบังกลาเทศระบุว่า ได้ฟื้นแผนที่จะย้ายผู้ลี้ภัยทั้งใหม่ และเก่าจากพม่า ไปอาศัยอยู่บนเกาะในอ่าวเบงกอลชั่วคราวก่อนที่จะส่งตัวคนเหล่านี้กลับพม่า
“การรับโรฮิงญากลับไป และให้สถานะพลเมืองแก่พวกเขาเป็นทางแก้ไขเดียวของวิกฤตนี้” เจ้าหน้าที่บังกลาเทศ กล่าว
ฝ่ายพม่าที่ตกลงจะเจรจาหารือเกี่ยวกับการส่งตัวพลเมืองกลับประเทศ ระบุว่า พม่าจะรับเฉพาะผู้ที่ข้ามแดนหลังวันที่ 9 ตุลาคม และต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นพลเมืองของประเทศ
“คนที่บังกลาเทศกำลังกล่าวถึงนั้นอยู่ในฝั่งพวกเขา เราจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบว่าคนเหล่านั้นมาจากพม่า เราไม่สามารถยอมรับได้เพียงแค่เพราะพวกเขาบอกว่าคนเหล่านั้นมาจากพม่า” เอ เอ โซ รองผู้อำนวยการกระทรวงการต่างประเทศพม่า กล่าวต่อรอยเตอร์ เมื่อวันพุธ (1)
“หากพวกเขาตรวจสอบพบว่ามาจากพม่าจริง เราจะรับพวกเขากลับ และแน่นอนว่าเราจะทำในเวลาที่เหมาะสม” เอ เอ โซ กล่าว พร้อมเสริมว่า สถานการณ์ในรัฐยะไข่ต้องกลับสู่ภาวะปกติก่อนที่การส่งตัวกลับประเทศจะเริ่มต้นขึ้น
ในแง่ของความเป็นพลเมือง เอ เอ โซ กล่าวว่า ฝ่ายบริหารของนางอองซานซูจี ได้พยายามที่จะเริ่มกระบวนการพิสูจน์ตรวจสอบในเดือน เมษายน แต่ยังเผชิญต่อการต่อต้านจากแกนนำชุมชนท้องถิ่นที่กล่าวหาว่าคนเหล่านั้นเป็นโรฮิงญาที่มาจากบังกลาเทศ
“เรากำลังผลักดันกระบวนการให้คืบหน้าอีกครั้ง” เอ เอ โซ กล่าว