รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวโทษรัสเซียว่าล้มเหลวในการควบคุมให้ระบอบการปกครองบาชาร์ อัล-อัสซาดทำลายคลังอาวุธเคมีตามสัญญา จนเป็นเหตุให้ประชาชนต้องตายเกือบร้อยคน
นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส โดยกล่าวโทษว่าเหตุโจมตีประชาชนในจังหวัดอิดลิบของซีเรียด้วยอาวุธเคมีจนมีผู้เสียชีวิตไปถึง 89 รายนั้น ถือว่าเป็นความผิดของรัสเซียที่ไม่สามารถกำกับควบคุมให้ระบอบการปกครองบาชาร์ อัล-อัสซาดทำลายคลังอาวุธเคมี ตามที่ได้ให้สัญญาไว้กับประชาคมนานาชาติได้
นายทิลเลอร์สันกล่าวว่า ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่ารัสเซียมีส่วนรู้เห็นในการโจมตีครั้งนี้ แต่ถึงแม้รัสเซียอาจไม่รู้เห็นเพราะไร้ความสามารถด้านการข่าวหรือถูกรัฐบาลซีเรียปกปิดเอาไว้ก็ตาม ก็ถือได้ว่าเป็นความผิดของรัสเซียที่ไม่สามารถปฏิบัติตามคำมั่นที่ให้ไว้ตามข้อตกลงปี 2013 ซึ่งรัสเซียรับประกันต่อนานาชาติว่าจะให้ซีเรียทำลายคลังอาวุธเคมีของตนเอง เพื่อไม่ให้เกิดการโจมตีพลเรือนด้วยอาวุธเคมีจนผู้บริสุทธิ์และเด็กต้องล้มตายเช่นนี้อีก
นายทิลเลอร์สันมีกำหนดจะเดินทางไปยังประเทศอิตาลีในวันจันทร์(10 เมษายน) เพื่อเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่มจี 7 ซึ่งคาดว่าจะหารือเรื่องการกดดันรัสเซียให้ตีตัวออกห่างจากรัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด และในวันอังคาร (11 เมษายน) นายทิลเลอร์สันจะเดินทางต่อไปยังกรุงมอสโกของรัสเซีย เพื่อพบหารือกับนายเซอร์เก ลัฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียด้วย
ทั้งนี้ รัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหาของสหรัฐฯ โดยยืนยันว่าระบอบการปกครองบาชาร์ อัล-อัสซาดไม่ได้เป็นผู้ลงมือโจมตีพลเรือนด้วยอาวุธเคมี และการเสียชีวิตจากก๊าซพิษซารินที่เกิดขึ้น มาจากการที่เครื่องบินรบฝ่ายบาชาร์โจมตีคลังเก็บอาวุธเคมีของกลุ่มฝ่ายต่อต้านซีเรียในหมู่บ้านดังกล่าว แต่ข้อแก้ต่างของรัสเซียก็ถูกปฎิเสธจากทั้งระบอบการปกครองบาชาร์ อัล-อัสซาด และฝ่ายต่อต้านซีเรียด้วย