ผู้ชุมนุมเกือบพันคนเคลื่อนขบวนไปตามท้องถนนเมืองเซนต์หลุยส์ของสหรัฐ และเกิดการปะทะกันในบางพื้นที่ เพื่อแสดงความไม่พอใจที่ผู้พิพากษารัฐมิสซูรีตัดสินให้อดีตตำรวจผิวขาวเมืองเซนต์หลุยส์พ้นผิดในคดียิงชายผิวดำเสียชีวิตเมื่อปี 2554
ตำรวจเผยว่า ผู้ประท้วงบางส่วนขว้างก้อนหินและขวดน้ำ ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์เผยว่า เจ้าหน้าที่ใช้สเปรย์พริกไทยกับผู้ประท้วงอย่างน้อย 5 คน ตำรวจปราบจลาจล 50 นายประจำการสกัดไม่ให้ผู้ประท้วงเคลื่อนขบวนไปยังทางหลวง ผู้ชุมนุมประมาณ 600 คนพากันเดินขบวนไปตามท้องถนนในเมืองเซนต์หลุยส์เมื่อวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นพร้อมกับตะโกนว่า “ไม่มีความยุติธรรม ไม่มีสันติภาพ” หลังจากนั้นในช่วงเย็นมีผู้ออกมาชุมนุมอีกราว 300 คน
ชาวเมืองเซนต์หลุยส์ออกมาแสดงความไม่พอใจหลังจากศาลตัดสินให้นายเจสัน สตอกลีย์ อดีตตำรวจผิวขาววัย 36 ปีพ้นผิดในข้อหาฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนกรณีที่ทำให้นายแอนโธนี ลามาร์ สมิธ ชายผิวดำวัย 24 ปี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2554 นายสตอกลีย์อ้างว่านายสมิธขับรถหลบหนีขณะเขาจะเข้าไปจับกุมในคดียาเสพติด เขาและคู่หูจึงได้ยิงเพราะคิดว่านายสมิธมีปืน นายสมิธถูกยิง 5 นัดเสียชีวิตคารถ และพบปืนในรถ
อัยการแย้งว่า ตำรวจจัดฉากเพราะพบแต่ดีเอ็นเอของนายสตอกลีย์บนปืน
ผู้พิพากษาชี้ว่า อัยการไม่สามารถพิสูจน์จนสิ้นข้อสงสัยอันมีเหตุผลว่าเป็นการฆาตกรรมหรือแม้แต่การฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา และศาลไม่เชื่อคำแย้งของอัยการที่ว่าตำรวจจัดฉากวางปืนไว้ในรถนายสมิธ เพราะจากประสบการณ์การนั่งบัลลังก์มาร่วม 30 ปีพบว่าเป็นเรื่องผิดปกติมากหากนักค้าเฮโรอีนในเขตเมืองจะไม่พกอาวุธ
ก่อนหน้านี้มีตำรวจสหรัฐพ้นผิดมาแล้วหลายคนในคดีทำให้ประชาชนเสียชีวิต เช่น คดีตำรวจยิงนายไมเคิล บราวน์ วัยรุ่นผิวดำวัย 18 ปี เมื่อปี 2557 ที่เป็นชนวนเหตุประท้วงรุนแรงหลายวันในเมืองเฟอร์กูสัน คดีตำรวจรัดคอนายเอริก การ์เนอร์ วัย 43 ปี จนขาดอากาศหายใจที่นครนิวยอร์กในปีเดียวกัน คดีนายเฟรดดี เกรย์ วัย 25 ปี คอหักในรถตำรวจในปีถัดมา
ที่มาสำนักข่าวไทย