กองกำลังโซมาเลียบุกยึดคืนโรงแรม หลังกลุ่มติดอาวุธบุกยึดข้ามคืน

กองกำลังความมั่นคงโซมาเลียเข้าควบคุมโรงแรมกลางกรุงโมดิกาชูที่ถูกกลุ่มติดอาวุธ 5 คนใช้คาร์บอมบ์เปิดทาง และเข้ายึดตลอดคืนวันเสาร์ (28 ตุลาคม) ได้สำเร็จ โดยเหตุการณ์นี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 23 คน ขณะที่กลุ่มอัชบ๊าบออกมาระบุว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีดังกล่าว

ร.อ.โมฮัมหมัด ฮุสเซน ระบุว่า ในช่วงเช้าวันอาทิตย์ (29 ตุลาคม) กองกำลังความมั่นคงสังหารผู้โจมตี 3 คน และจับกุมอีก 2 คนที่เหลือได้ หลังเข้าควบคุมโรงแรมนาซา-ฮาบล็อด

กลุ่มอัชบ๊าบ ได้ออกมาประกาศว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุโจมตีครั้งนี้

เหตุการณ์นี้เริ่มต้นขึ้นจากคาร์บอมบ์ฆ่าตัวตายลูกแรกหน้าทางเข้าโรงแรมที่ทำให้รถยนต์หลายคัน และอาคารมากมายในบริเวณนั้นเสียหาย

หลังจากนั้นกลุ่มคนร้ายได้บุกเข้าไปในโรงแรม มีการยิงต่อสู้กับกองกำลังความมั่นคงอย่างดุเดือด และต่อเนื่อง โดยระหว่างนั้นมีเสียงระเบิดดังขึ้นสองครั้ง ซึ่งครั้งหนึ่งเป็นระเบิดฆ่าตัวตายที่คนร้ายติดไว้ที่เสื้อกั๊ก

สองสัปดาห์ก่อนหน้านี้มีผู้เสียชีวิตกว่า 350 คนในเหตุระเบิดรถบรรทุกบนถนนที่มีการจราจรพลุกพล่านของกรุงโมกาดิชู ซึ่งถือเป็นการโจมตีครั้งรุนแรงที่สุดในโซมาเลีย

ซาลิม อาลิโยว์ ไอโบรว์ รัฐมนตรีกระทรวงไฟฟ้า และน้ำประปาของโซมาเลีย ได้รับการช่วยเหลือออกจากโรงแรมขณะที่มีการยิงต่อสู้กันอย่างดุเดือด กลุ่มหัวรุนแรงบางคนขว้างระเบิดมือและตัดไฟโรงแรมในช่วงกลางคืน

ในบรรดาผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้รวมถึงแม่และลูก 3 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นยังเป็นทารก โดยทั้งหมดถูกยิงที่ศีรษะ นอกจากนี้ยังมีตำรวจอาวุโส อดีตสมาชิกรัฐสภา และอดีตรัฐมนตรีผู้หนึ่งรวมอยู่ด้วย

พ.ต.อ.โมฮัมเหม็ด อับดุลลาฮี เผยว่า มือระเบิดฆ่าตัวตายแกล้งทำเป็นรถบรรทุกเสีย แล้วจอดซ่อมหน้าทางเข้าโรงแรมที่มีการรักษาความปลอดภัยเข้มงวด ก่อนดึงสลักให้ระเบิดทำงาน

ประธานาธิบดี โมฮัมเหม็ด อับดุลลาฮี โมฮัมเหม็ด กล่าวว่า การโจมตีครั้งใหม่มีเป้าหมายเพื่อบ่มเพาะความกลัวให้ชาวโซมาเลียที่ยืนหยัดรวมพลัง หลังเหตุระเบิดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา แล้วรวมตัวกันนับพันคนเดินขบวนในกรุงโมกาดิชูเพื่อต่อต้านอัชบ๊าบ

นับจากเหตุระเบิดครั้งนั้น ผู้นำโซมาเลียได้ออกเดินทางไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเพื่อขอการสนับสนุนในการประกาศสงครามกับกลุ่มนี้ อย่างไรก็ตาม เขายังเผชิญความท้าทายจากการสร้างความปรองดองภายในประเทศที่แตกแยกมายาวนาน ซึ่งตอนนี้รัฐบาลกลางมีอำนาจเฉพาะในเมืองหลวงและเมืองใหญ่บางแห่งเท่านั้น

ขณะเดียวกัน ปีนี้กองทัพสหรัฐฯ เพิ่มความพยายามในการกวาดล้างอัชบ๊าบ โดยมีการโจมตีด้วยเครื่องบินไร้คนขับหรือโดรนเกือบ 20 ครั้ง ขณะที่สงครามต่อต้านกลุ่มก่อการร้ายซึมลึกเข้าสู่แอฟริกา

อย่างไรก็ตาม คาดว่ากองกำลังของสหภาพแอฟริกาจะถอนออกจากโซมาเลียพร้อมทหาร 22,000 นาย และส่งมอบภารกิจด้านความมั่นคงคืนให้กองทัพโซมาเลียภายในปลายปี 2020 ท่ามกลางความกังวลของเจ้าหน้าที่ทหารสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ ว่ากองทัพโซมาเลียยังไม่พร้อมรับภารกิจดังกล่าว

การโจมตีรุนแรงถึงสองครั้งในเดือนนี้ยังบ่อนทำลายความเชื่อมั่นของชาวโซมาเลียต่อความสามารถของกองทัพในการรับผิดชอบภารกิจความมั่นคงสืบต่อจากกองกำลังสหภาพแอฟริกา คนจำนวนมากในเมืองหลวงยังระบุว่ารัฐบาลไม่พยายามมากพอเพื่อปกป้องประชาชน

ความคิดเห็น

comments