รอยเตอร์รายงานเมื่อวันจันทร์ (25 ธันวาคม) ว่า โป๊บฟรานซิสได้ใช้ช่วงเวลาวันคริสต์มาส เรียกร้องสันติภาพให้เกิดขึ้นในสารภายใต้หัวข้อ “Urbi et Orbi” หรือต่อเมืองและโลก เกิดขึ้น 4 วันหลังจากที่ 128 ชาติทั่วโลกสนับสนุนมติในสมัชชาสหประชาชาติค้านสหรัฐฯ รับรองเยรูเล็มเป็นเมืองหลวงอิสราเอล
“ขอให้พวกเราจงภาวนาต่อความตั้งใจที่จะกลับมาเริ่มเปิดการเจรจาใหม่อีกครั้ง ซึ่งนั่นอาจเกิดขึ้นหลายฝ่าย และผลของการเจรจาอาจสามารถบรรลุได้ในท้ายที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่จะนำมาสู่สันติภาพของ 2 รัฐภายใต้ความเห็นร่วม และพรมแดนที่ถูกยอมรับในระดับระหว่างประเทศ” โป๊ปฟรานซิสกล่าว
โป๊บกล่าวที่หน้ามุขมหาวิหารนักบุญเปโตรแห่งนครรัฐวาติกันว่า “เรามองพระเยซูเป็นเสมือนทารกแห่งตะวันออกกลาง ที่ยังคงต้องเจ็บปวดต่อไปเนื่องมาจากความขัดแย้งที่มีมากขึ้นระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์”
ทั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ที่โป๊บออกมาพูดถึงสันติภาพในปาเลสไตน์หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศอย่างเป็นทางการในการรับรองเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงอิสราเอล และย้ายสถานทูตไปตั้งในกรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งโป๊บเรียกเยรูซาเล็มว่า “เป็นเมืองที่อยู่ในฐานะพิเศษ” ที่สมควรถูกรักษาให้เป็นที่เคารพนับถิอของคนจากทั่วโลก
