เด็กที่ถูกฆ่าอย่างน้อย 16 ราย และหญิงอย่างน้อย 4 รายถูกสังหารหลังจากที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในดินแดนฆุตเฎาะห์ตะวันออก ชานกรุงดามัสกัสของซีเรีย ถูกโจมตีด้วยการโจมตีทางอากาศ
การเสียชีวิตเกิดจากการที่กองกำลังระบอบบาชาร์ อัล-อัสซาดได้ทิ้งระเบิดโจมตีพื้นที่ดังกล่าวโดยไม่มีการแจ้งเตือน ตามการเปิดเผยของอัล-ญะซีเราะห์
การโจมตีโรงเรียนซึ่งทำหน้าที่เป็นที่พักพิงสำหรับเด็ก ๆ ในเมืองเออร์บินเกิดขึ้นในคืนวันจันทร์(19 มีนาคม)นักเคลื่อนไหวกล่าวกับอัล-ญะซีเราะห์
เครื่องบินรบยังคงโจมตีดินแดนฆุตเฎาะห์ตะวันออกในดินแดนส่วนที่ปกครองโดยฝ่ายต่อต้านซีเรียอย่างต่อเนื่อง เป็นผลทำให้ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 32 ราย
ดินแดนฆุตเฎาะห์ตะวันออกถูกปิดล้อมจากกองกำลังติดอาวุธของระบอบบาชาร์ อัล-อัสซาดมาตั้งแต่กลางปี 2556 แต่ในช่วงเดือนที่ผ่านมารัสเซียได้เข้ามาสนับสนุนทำให้การทิ้งระเบิดโจมตีทางอากาศต่อดินแดนที่เป็นบ้านของคน 400,000 แห่งนี้หนักหน่วงขึ้น
ตามรายงานของสหประชาชาติระบุว่าพลเรือนชาวซีเรียหลายร้อยรายถูกกองกำลังบาชาร์ อัล-อัสซาด และรัสเซียฆ่าตายขณะพยายามขับรถหนีตายออกจากพื้นที่ฆุตเฎาะห์ตะวันออกที่ถูกปิดล้อม และถล่มทางอากาศอย่างหนัก
กลุ่มสังเกตุการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนซีเรียรายงานว่าในช่วงเดือนที่ผ่านมามีชาวซีเรียถูกฆ่าตายสูงถึงกว่า 1,400 ราย และคาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นอีกเนื่องจากยังมีศพอีกจำนวนมากติดอยู่ใต้ซากอาคารที่ถูกถล่ม
Jaish al-Islam ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มนักรบฝ่ายต่อต้านซีเรียในพื้นที่ได้ตอบโต้กลับการโจมตีอีกครั้งเมื่อวันจันทร์ที่(19)ผ่านมา
ด้านกองกำลังบาชาร์ อัล-อัสซาด รายงานโดยอ้างว่าสามารถยึดครองพื้นที่ได้แล้วมากกว่า 80%
Zeina Khodr ผู้สื่อข่าวอัล-ญะซีเราะห์ รายงานจากเบรุตในเลบานอนว่าการเจรจาระหว่างรัสเซีย และนักรบในพื้นที่ “เกิดขึ้น” แต่การโจมตีที่เกิดขึ้นระรอกใหม่เป็นเครื่องบ่งชี้ความล้มเหลวของการเจรจา
ในขณะที่กองกำลังที่สนับสนุนระบอบบาชาร์ อัล-อัสซาด ประกาศกร้าวที่จะไม่ยอมรับข้อตกลงหยุดยิงใดๆ ที่เกิดขึ้นกับนักรบฝ่ายต่อต้านซีเรีย
“ตอนนี้พวกเขาอยู่ในสถานะที่อ่อนแอ และกำลังลดความสามารถลง จากการโจมตีอย่างหนักต่อพื้นที่ของพวกเขาโดยเฉพาะที่เมืองดูมา และเออบิน” ผู้สื่อข่าวอัล-ญะซีเราะห์กล่าว
แม้ว่าพลเรือนชาวซีเรียนับหมื่นคนต้องหนีตายไปยังพื้นที่ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของระบอบบาชาร์ อัล-อัสซาด แต่ยังคงมีชาวซีเรียอีกราว 340,000 คนที่ยังยืนหยัดอยู่ในดินแดนของพวกตนแม้จะถูกโจมตีอย่างหนัก และขาดแคลนอาหาร รวมทั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างรุนแรง ตามการเปิดเผยของ อัล-ญะซีเราะห์