Headlines

ซาอุฯ จับมือญี่ปุ่นร่วมพัฒนา โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ใหญ่สุดในโลก

ซาอุดีอาระเบียและบริษัทซอฟท์แบงค์ของญี่ปุ่นจะร่วมกันพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา มูลค่าแสนล้านดอลลาร์ที่จะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ถึง 200 กิกะวัตต์ภายในปี 2030

ข้อตกลงนี้ได้รับการลงนามนอกรอบการเยือนสหรัฐฯของมกุฎราชกุมาร มูฮัมหมัด บิน ซัลมาน ตามโครงการปฏิรูปทางด้านเศรษฐกิจและสังคม ลดการพึ่งพารายได้จากน้ำมัน

ซอฟท์แบงค์จะลงทุนในโครงการนี้ผ่านกองทุน SoftBank Vision Fund มูลค่าหนึ่งแสนล้านดอลลาร์ที่ถูกสร้างขึ้นในปี 2016 ด้วยเงินจากกองทุนเพื่อความมั่งคั่งแห่งซาอุดีอาระเบีย และบริษัทอื่นๆ

โครงการนี้มีเป้าหมายที่จะผลิตกระแสไฟฟ้า “200 กิกะวัตต์ภายในปี 2030 จากฟาร์มโซล่าเซลล์ทั่วประเทศนี้ โดยจะเริ่มที่สถานที่ตั้งแรก 2 พื้นที่กำลังผลิตรวม 7.2 กิกะวัตต์ในระยะแรก” แมททิว นิโคลสัน โฆษกของซอฟท์แบงค์ เปิดเผยกับ AFP

“การก่อสร้างจะเริ่มต้นในปีนี้” เขากล่าวอีกว่า การผลิตคาดว่าเริ่มตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นไป

ค่าใช้จ่ายของโครงการนี้โดยรวมคาดว่าจะใช้งบประมาณราว 2 แสนล้านดอลลาร์ โดยระยะแรกมีค่าใช้จ่าย 5 พันล้านดอลลาร์

กองทุน Vision Fund ของซอฟท์แบงค์จะลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์สำหรับระยะแรก ส่วนที่เหลือจะมาจากการจัดหาเงินของโครงการนี้ ตามการระบุของ นิโคลสัน

มาซาโยชิ ซัน ซีอีโอของซอฟท์แบงค์ ระบุว่าโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ว่าเป็น “โครงการโซลาร์เซลล์ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา”

เขากล่าวว่า การขายกระแสไฟฟ้าที่ถูกผลิตในระยะแรกของโครงการนี้จะเป็นทุนให้กับระยะต่อๆ ไป และแผงโซลาร์เซลล์มาจากการนำเข้าก่อนในตอนแรก จากนั้น 2-3 ปีโรงงานผลิตแผงที่สร้างขึ้นในซาอุดิอาระเบียจะแล้วเสร็จ และพร้อมป้อนวัตถุดิบสู่การผลิตกระแสไฟฟ้าได้

ทั้งนี้เมื่อปีที่แล้ว ซาอุดีอาระเบียได้จัดประมูลโครงการโซลาร์เซลล์ผลิตไฟฟ้า 300 เมกะวัตต์(ระดับสาธารณูปโภค) ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของการลดการพึ่งพาน้ำมัน และยังคงเป็นแหล่งพลังงานของโลกต่อไป

ซาอุดีอาระเบียตั้งเป้าหมายผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนให้ได้ 9.5 กิกะวัตต์ภายในปี 2023 เพื่อทดแทนที่ปัจจุบันพลังงานทั้งหมดของซาอุดีอาระเบียมาจากน้ำมัน หรือก๊าซธรรมชาติ

ความคิดเห็น

comments