ชาวโรฮิงญาหลายร้อยคนได้ยื่นคำร้องต่อผู้พิพากษาศาลอาญาระหว่างประเทศในวันพฤหัสบดี(31 พฤษภาคม) เพื่อเรียกร้องให้อัยการศาลดำเนินการตามเขตอำนาจในการสอบสวนเหตุอาชญากรรมต่อมนุษย์ชาติในการบังคับเนรเทศคนกว่า 700,000 ออกนอกประเทศไปยังบังกลาเทศ
รอยเตอร์รายงานว่าศาลอาชญากรรมสงครามระหว่างประเทศไม่มีเขตอำนาจครอบคลุมไปถึงพม่า เนื่องจากพม่าไม่ใช่รัฐสมาชิก แต่เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา อัยการศาลได้ประกาศว่าจะดำเนินการในการขอให้ศาลตรวจสอบวิกฤตโรฮิงญา และการดำเนินคดีที่สามารถดำเนินการได้ผ่านทางบังกลาเทศในฐานะรัฐสมาชิก
เหตุรุนแรงที่ปะทุขึ้นนับตั้งแต่ 25 สิงหาคมจากการปราบปรามทางทหารที่รุนแรงของพม่าส่งผลให้ชาวมุสลิมชาวโรฮิงญากว่า 700,000 คนได้หนีตายข้ามแดนมายังบังกลาเทศ เป็นวิกฤติที่องค์การสหประชาชาติ และหน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนชี้ว่าเป็นภาคปฎิบัติของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
ผู้ลี้ภัยเล่าว่าทหารพม่าได้ก่อเหตุฆาตกรรม, ข่มขืน และการลอบวางเพลิงต่อชุมชนของพวกเขา บางประเทศเปรียบเทียบสถานการณ์ดังกล่าวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองในยุค 90 ในแทบบอลข่าน
“เรามีเอกลักษณ์ของชาวโรฮิงญา และเราต้องการความยุติธรรม” กลุ่มผู้แทนชาวโรฮิงญากล่าวในจดหมายเรียกร้องให้ศาลดำเนินการพร้อมระบุว่า “เราถูกข่มขืน, ทรมาน และถูกฆ่าตาย”
คำร้องลงนาม และลายนิ้วมือโดยส่วนใหญ่เป็นสตรีชาวโรฮิงญาในย่านชนบทที่ไม่รู้หนังสือ
การยื่นคำร้องในนามของผู้เสียหายจำนวน 400 รายถูกส่งมอบให้กับศาลเมื่อวันพุธที่(30 พฤษภาคม)ผ่านมาซึ่งได้รับการสนับสนุนคำขอก่อนหน้านี้จากอัยการของ ICC ในเรื่องเขตอำนาจศาลตามการเปิดเผยของโฆษกศาล Fadi El Abdallah
ครอบครัวของเหยื่อได้เรียกร้องให้ศาลไม่เพียงแต่การตรวจสอบข้อกล่าวหาเรื่องของการเนรเทศ แต่ยังรวมไปถึงการเข่นฆ่า และสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยทหารพม่า ที่พุ่งเป้ามาที่ชาวโรฮิงญา
พม่าได้ปฏิเสธความพยายามในการจัดตั้งเขตอำนาจศาลระหว่างประเทศในเรื่องนี้
ทนายความกลุ่มชาวโรฮิงญา Shanti Molhila หรือ Peace Women กล่าวว่าศาลควรจะรับดำเนินการในคดีดังกล่าวเนื่องจากมีการก่ออาชญากรรมบางส่วนผ่านพรมแดนในบังคลาเทศ
ในคำร้องที่ส่งถึงผู้พิพากษาพนักงานอัยการของ ICC Fatou Bensouda มีความเห็นว่าศาล ICC มีอำนาจในการสอบสวนคดีเนื่องจากลักษณะการเนรเทศเป็นการกระทำผิดข้ามพรมแดน
