สื่อทางการของรัฐบาลรายงานเมื่อวันอาทิตย์ (23 ธันวาคม) ว่า พบร่างนายตำรวจที่เต็มไปด้วยบาดแผลจากกระสุนในรัฐยะไข่ ท่ามกลางการปฎิบัติการทางทหารรอบใหม่ในรัฐยะไข่ที่ทหารพม่าเปิดปฎิบัติการเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ดินแดนรัฐอาระกัน หรือที่พม่าเรียกว่ารัฐยะไข่ เป็นบ้านของชาวโรฮิงญาหลายล้านคน ที่ถูกปฎิบัติการทางทหารรุนแรงรอบก่อนเมื่อ 25 สิงหาคม 2560 ที่ทำให้ชาวโรฮิงญากว่า 720,000 คนหนีตายไปยังบังกลาเทศ
นายตำรวจอ่อง จ่อ เต๊ต หายตัวไประหว่างปฏิบัติหน้าที่ หลังการซุ่มโจมตีเมื่อสัปดาห์ก่อนโดยผู้โจมตีไม่ทราบฝ่ายในเมืองหม่องดอ ใกล้ชายแดนบังกลาเทศ
“ศพของนายตำรวจผู้นี้ถูกพบเมื่อ 2 วันก่อน พร้อมบาดแผลจากกระสุนปืนบนใบหน้า แขน ขา ใกล้เนินเขาที่อยู่ในเขตประเทศอื่น” หนังสือพิมพ์โกลบอลนิวไลท์ออฟเมียนมาร์ที่มีความใกล้ชิดกับกองทัพรายงาน
เหตุซุ่มโจมตีเกิดขึ้นในวันเดียวกันกับที่ชายชาวยะไข่ 2 คน หายตัวไปขณะออกหาปลา และพบศพในภายหลังในสภาพถูกปาดคอ ซึ่งถูกกองทัพพม่าใช้เป็นข้ออ้างในการเปิดปฏิบัติการทางทหารรอบใหม่ต่อชาวโรฮิงญาในพื้นที่
รายงานของโกลบอลนิวไลท์ในวันอาทิตย์ (23) ไม่ได้กล่าวหาว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ แต่กล่าวว่า เจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนในที่เกิดเหตุ และบิสกิตที่ผลิตในบังกลาเทศ
ชาวโรฮิงญามากกว่า 720,000 คน ต้องอพยพหนีตายจากปฎิบัติการทางทหารในพื้นที่ตอนเหนือของรัฐยะไข่ไปยังบังกลาเทศ ที่ผู้สืบสวนสหประชาชาติชี้ว่าเป็นการกวาดล้างทางชาติพันธุ์ และต้องการให้บรรดานายพลของพม่าถูกฟ้องดำเนินคดีจากการล้างเผ่าพันธุ์
ในช่วงเวลาเดียวกับปฎิบัติการทางทหารรอบใหม่ในพื้นที่โรฮิงญา แต่กองทัพประกาศหยุดยิงกับกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ แต่ไม่รวมรัฐยะไข่
ซึ่งนักวิเคราะห์พม่ากล่าวปกป้องกองทัพว่า ที่ทหารไม่รวมรัฐยะไข่ เพราะไม่ต้องการให้กองทัพแห่งชาติอาระกันที่เป็นกลุ่มติดอาวุธของชาวยะไข่ได้ฐานที่มั่นในรัฐแห่งนี้ รวมทั้งยังวิตกเกี่ยวกับกลุ่มติดอาวุธจากกองทัพปลดปล่อยโรฮิงญาแห่งรัฐอาระกัน ที่อ้างตัวเป็นตัวแทนของชาวโรฮิงญาด้วย
