ลุยจิ ดิ มาโย ( Luigi Di Maio) รองนายกรัฐมนตรีอิตาลี และผู้นำพรรคเดอะไฟว์สตาร์มูฟเมนต์ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลได้ออกมากล่าวโทษฝรั่งเศสว่า เป็นตัวการทำให้เกิดวิกฤตผู้อพยพเข้ายุโรป โดยชี้ว่าฝรั่งเศสทำให้ชาติในแอฟริกาอ่อนแอลงด้วยนโยบายล่าเมืองขึ้นของตัวเอง พร้อมประกาศให้สัญญา จะนำเรื่องนี้เข้าสหภาพยุโรป และองค์กรระหว่างประเทศ
สำนักข่าว RT ของรัสเซียรายงานวันจันทร์(21 มกราคม)ว่า ไม่นานหลังจากที่รองนายกรัฐมนตรีอิตาลี และดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทยอิตาลี มัตเตโอ ซาลวินี ได้ออกมาเสนอเมื่อช่วงต้นเดือนนี้ให้เริ่มต้น “ยุโรป สปริง” (European Spring) เพื่อทำให้ขั้วฝรั่งเศสและเยอรมันที่ทำหน้าที่จับมือชี้นำสหภาพยุโรปต้องถึงกาลสิ้นสุด
ล่าสุดรองนายกรัฐมนตรีอิตาลีคอีกคน ลุยจิ ดิ มาโย ( Luigi Di Maio) และผู้นำพรรคเดอะไฟว์สตาร์มูฟเมนต์ ออกมาโจมตีฝรั่งเศส โดยชี้ว่าเป็นตัวการทำให้เกิดวิกฤตผู้อพยพในยุโรปขึ้น
โดยดิ มาโยได้ขึ้นกล่าวปราศรัยต่อหน้าฝูงชนในวันอาทิตย์(20) ในขณะที่เขาได้สัมผัสกับโศกนาฎกรรมการจมน้ำหมู่ของผู้อพยพข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่เดินทางออกมาจากฝั่งลิเบีย และจมน้ำเสียชีวิตในคืนวันเสาร์(19) ตามรายงานของ เดลีเมล มีผู้เสียชีวิตจำนวน 117 คน เกิดขึ้นเมื่อเรือพายที่ออกมาเกิดล่มกลางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ในรายงานพบว่า ผู้รอดชีวิตถูกช่วยชีวิตไว้ได้ที่ระยะ 40 ไมล์ห่างจากฝั่งลิเบีย โดยคนเหล่านี้ว่าชี้ว่า เรือของพวกเขาที่ล่มไม่กี่ชั่วโมงหลังออกนอกฝั่งลิเบียเพื่อมุ่งหน้าเข้าสู่อิตาลี
เดลิเมลชี้ว่า ผู้ที่รอดชีวิตถูกให้การช่วยเหลือทางอากาศโดยฮ.ของตำรวจน้ำอิตาลีน นำคนเหล่านี้ไปยังเกาะลัมเปดูซา( island of Lampedusa) ซึ่งในส่วนผู้อพยพที่จมน้ำรวมไปถึงหญิงตั้งครรภ์ 1 ราย และทารกวัย 2 เดือนอีก 1 คน
โดยรองนายกรัฐมนตรีจากพรรคเดอะไฟว์สตาร์มูฟเมนต์กล่าวว่า “พวกเราคงจะเป็นพวกพูดอย่างทำอย่างหากว่ายังคงพูดต่อถึงผลกระทบโดยที่ไม่มองหาไปที่สาเหตุ และหากว่าในวันนี้ เรามีผู้คนที่ออกเดินทางจากทวีปแอฟริกา เป็นเพราะชาติยุโรปบางชาติ เป็นต้นว่า ฝรั่งเศส ยังไม่เคยหยุด “ครอบครองอาณานิคม” ที่ทวีปแอฟริกาในหัวของพวกเขา”
ทั้งนี้ดิ มาโยที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการพัฒนาทางเศรษฐกิจได้ชี้ไปถึงสกุลเงิน “ซีเอฟเอ ฟรังค์”(CFA franc) ที่ถูกใช้ใน 14 ชาติอดีตอาณานิคมของฝรั่งเศส ทั้งในแอฟริกาทางแอฟริกาตะวันตกและแอฟริกากลาง ซึ่งสกุลเงินนี้ได้รับการประกันโดยกระทรวงการคลังฝรั่งเศส และมีอัตราตายตัวในการแลกเปลี่ยนกับสกุลเงินยูโร
ซึ่งในขณะที่ถือเป็นการให้หลักประกันเสถียรภาพทางการเงินแก่ชาติแอฟริกัน อดีตประเทศอาณานิคม แต่กระนั้นยังคงถูกตำหนิว่า เป็นเสมือนสิ่งตกค้างจากยุคล่าเมืองขึ้น โดยพวกเขาต่างโต้ว่า สกุลเงิน “ซีเอฟเอ ฟรังค์” ที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1945 ทำให้การพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศพวกเขาต้องล่าช้าออกไป จากการที่ประเทศเหล่านั้นไม่สามารถกล่าวปฎิเสธต่อนโยบายการคลังของฝรั่งเศสหรืออียูได้
“มีประเทศร่วมหลายโหลที่ฝรั่งเศสพิมพ์เงินของตัวเอง สกุลเงินฟรังค์ของประเทศอาณานิคม และจากสิ่งนี้ มันสามารถให้การอุดหนุนหนี้สาธารณะของฝรั่งเศส” ดิ มาโยกล่าว และชี้ต่อว่า ฝรั่งเศสสมควรต้องตกอยู่ในการถูกคว่ำบาตรของสหภาพยุโรป โดยเฉพาะจากทางสหประชาชาติ จากการที่ทำให้รัฐชาติเหล่านั้นต้องอ่อนแอ และส่งสัญญาณให้กับประชาชนเหล่านั้น
ดิ มาโยกล่าวต่อว่า “ที่ของพวกแอฟริกันนั้นอยู่ในทวีปแอฟริกา และไม่ใช่ที่ก้นทะเล”
รองนายกรัฐมนตรีอิตาลี้ชี้ว่า หากว่าไม่ใช่ได้อดีตประเทศอาณานิคมให้การช่วยเหลือ ฝรั่งเศสคงตกไปอยู่ท้ายๆของตารางทางด้านการจัดลำดับทางเศรษฐกิจ โดยกล่าวว่า
“หากว่าฝรั่งเศสไม่มีชาติอดีตอาณานิคมในแอฟริกาเหล่านี้ซึ่งถือว่าอ่อนแอ ประเทศนี้จะกลายเป็นชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอยู่ในลำดับที่ 15 ของโลก แต่ทว่าประเทศนี้อยู่ท่ามกลางประเทศแรกๆของชาติมหาอำนาจจากผลในสิ่งที่ทำไว้ในแอฟริกา” ดิ มาโยกล่าว
ในปัจจุบันฝรั่งเศสมีเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นลำดับที่ 7 ของโลกอ้างอิงข้อมูลจากธนาคารโลกปี 2017 และใหญ่เป็นอันดับ 3 ในยุโรปตามหลังเยอรมันและอังกฤษ
ดิ มาโยยังแถลงต่อว่า ทางพรรคเดอะไฟว์สตาร์มูฟเมนต์ของเขาจะยื่นข้อเสนอต่อรัฐสภาเพื่อให้ทำการลงโทษฝรั่งเศสในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า และยังกล่าวเลยไปถึงผู้นำฝรั่งเศส ประธานาธิบดี เอ็มมานุแอล มาครง
โดยชี้ว่า มาครงต้องเลิกเทศนาสั่งสอนอิตาลีด้านศีลธรรม ในขณะที่ประเทศของตัวเองยังคงเดินหน้าหาประโยชน์จากชาติในแอฟริกาไม่หยุด