ความรุนแรงในและรอบ ๆ ที่มั่นของฝ่ายต่อต้านในตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรียได้คร่าชีวิตประชาชนไปแล้ว 948 คนในรอบเดือนที่ผ่านมา โดยเกือบหนึ่งในสามของทั้งหมดคือพลเรือน
อาหรับนิวส์รายงานว่าข้อตกลงที่มีผลตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่ผ่านมาเพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรงในจังหวัด Idlib และพื้นที่ใกล้เคียงที่ปกครองโดยอดีตกลุ่มพันธมิตรอัลกออิดะห์ของซีเรีย Hayat Tahrir Al-Sham
แต่ระบอบการปกครองบาชาร์ อัล-อัสซาด และรัสเซีย ได้เปิดปฏิบัติการโจมตีพื้นที่ดังกล่าวมาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทั้งการโจมตีทางอากาศที่รุนแรงและการยิงจรวดใส่ที่มั่นของฝ่ายต่อต้านซีเรียในพื้นที่พรมแดน
ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายนระบอบการปกครองอัสซาด และการทิ้งระเบิดของรัสเซียได้สังหารพลเรือนไป 288 คนรวมถึงเด็ก ๆ 67 คน ตามการรายงานของกลุ่มสังเกตการณ์ซีเรียเพื่อสิทธิมนุษยชน
ขณะที่จรวดของกลุ่ม Hayat Tahrir Al-Sham ได้สังหารพลเรือนอีก 22 คนรวมถึงเด็ก 10 คนในพื้นที่ปกครองของระบอบการปกครองของอัสซาด
รัสเซียกล่าวในวันศุกร์ว่าเป็นความรับผิดชอบของตุรกีที่จะหยุดความรุนแรงใน Idlib จากการยิงใส่เป้าหมายพลเรือน และรัสเซียส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะยังคงโจมตีเป้าหมายในซีเรียต่อไปแม้จะมีการประท้วงของตุรกี
ประธานาธิบดีตุรกี Recep Tayyip Erdogan บอกกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ปูตินของรัสเซียเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่าเขาต้องการหยุดยิงใน Idlib เพื่อป้องกันการเสียชีวิตของพลเรือนมากขึ้นและผู้ลี้ภัยไหลเข้าตุรกี
Erdogan ยังบอกกับปูตินทางโทรศัพท์ว่าซีเรียต้องการทางออกทางการเมือง ตามการเปิดเผยของสำนักงาน Erdogan
“เราต้องการการหยุดยิงใน Idlib และสิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จคือการที่ผู้ก่อการร้ายหยุดยิงเป้าหมายพลเรือน และในสถานที่บางแห่งที่กองทหารของเราตั้งอยู่” โฆษกเครมลิน Dremry Peskov กล่าว “ … นี่เป็นความรับผิดชอบของฝ่ายตุรกี”