เมื่อวันอาทิตย์ (15 กันยายน) กระทรวงต่างประเทศตุรกีประณามการโจมตีด้วยโดรน โดยมีเป้าหมายพลเรือนที่ บริษัท น้ำมันซาอุดีอาระเบีย Aramco ตามรายงานของสำนักข่าว Anadolu
ในแถลงการณ์กระทรวงการต่างประเทศตุรกีได้ประณามการโจมตีด้วยโดรนเมื่อวันเสาร์ซึ่งพุ่งเป้าไปยังสถานที่ตั้งของโรงกลั่นน้ำมันทางตะวันตกเฉียงใต้ของเขตเมือง Dhahran
ตุรกีเรียกร้องให้ประเทศในภูมิภาคงดเว้นการกระทำซึ่งอาจทำลายความมั่นคงและความมั่นคงในภูมิภาคอ่าว (การกล่าวอ้างของตุรกีไม่ได้ระบุโดยตรงว่าหมายถึงอิหร่านหรือไม่)
เจ้าชายอับดุลอาซิซ บินซาลมานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของซาอุดิอาระเบียกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่าการผลิตน้ำมันหยุดชะงักลงชั่วคราวจากโรงงานหลักสองแห่งซึ่งเป็นโรงกลั่นน้ำมันยักษ์ใหญ่ของรัฐซาอุดิอาระเบีย
เมื่อวันเสาร์สำนักข่าวทางการของซาอุดิอาระเบียรายงานการระเบิดที่โรงงาน Abqaiq และ Khurais Abqaiq เป็นที่ตั้งของโรงงานแปรรูปน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของ Aramco
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกล่าวเสริมว่าเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดการหยุดชะงักของการจัดหาน้ำมันดิบ 5.7 ล้านบาร์เรลต่อวันจากโรงงานทั้งสองแห่ง เขากล่าวว่าส่วนหนึ่งของการลดลงจะได้รับการชดเชยโดยการดึงสต็อกน้ำมันของ Aramco
นอกจากนี้เขายังกล่าวว่าการโจมตีดังกล่าวทำให้การผลิตก๊าซปิโตรเลียมเหลว (APG) หยุดชะงักซึ่งเกือบสองพันล้านบาร์เรลต่อวัน ส่งผลให้ปริมาณอีเทนและก๊าซธรรมชาติลดลง 50%
รัฐมนตรีน้ำมันย้ำว่าจะไม่มีการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดภายในประเทศ
ทั้งนี้กลุ่มกบฎชีอะห์ฮูธีย์ในเยเมนออกมายอมรับว่าอยู่เบื้องหลังการก่อการร้ายต่อเป้าหมายพลเรือนล่าสุดในซาอุดิอาระเบียที่เกิดขึ้นด้วยการส่งโดรนติดอาวุธ 10 ลำเข้าโจมตีเป้าหมาย ขณะที่อาวุธที่กลุ่มกบฎชีอะห์ใช้ส่วนมากนำมาจากอิหร่าน