รัฐบาลมาเลเซีย และอินโดนีเซีย สั่งปิดโรงเรียนหลายพันแห่ง ซึ่งกระทบต่อนักเรียนอย่างน้อย 1.7 ล้านคนในวันพฤหัสบดี (19 กันยายน) หลังวิกฤตหมอกควันไฟป่าทำให้ค่ามลพิษในอากาศพุ่งสูงจนถึงระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
สถานศึกษาเกือบ 300 แห่งในกรุงกัวลาลัมเปอร์ และอีกกว่า 2,000 แห่งทั่วมาเลเซีย ต้องปิดการเรียนการสอนชั่วคราว ท่ามกลางปัญหาหมอกควันจากการเผาป่าบนเกาะบอร์เนียวและเกาะสุมาตราของอินโดนีเซียที่ยังควบคุมไม่ได้
ทางด้านอินโดนีเซียเองก็มีการสั่งปิดโรงเรียนกว่า 800 แห่งในจังหวัดรีเยา (Riau) และอีกราวๆ 1,300 แห่งที่จังหวัดกาลิมันตันกลางบนเกาะบอร์เนียว
คำสั่งปิดโรงเรียนส่งผลให้นักเรียนนักศึกษาราว 1.7 ล้านคนในมาเลเซียต้องเก็บตัวอยู่บ้าน ส่วนในแดนอิเหนายังไม่มีตัวเลขที่ชัดเจน
รัฐบาลอินโดนีเซียได้ระดมเจ้าหน้าที่ความมั่นคงหลายพันนายและเครื่องบินทิ้งน้ำเข้าสกัดไฟป่า ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการที่ชาวบ้านลักลอบเผาเพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูก
หมอกควันไฟป่าอินโดนีเซียนับเป็นวิกฤตสิ่งแวดล้อมที่คุกคามภูมิภาคอาเซียนเป็นประจำทุกปี ทว่าปีนี้สถานการณ์รุนแรงที่สุดตั้งแต่ปี 2015 และยังเป็นการซ้ำเติมวิกฤตไฟป่าทั่วโลกที่กระพือปัญหาโลกร้อน
คุณภาพอากาศในหลายพื้นที่ของมาเลเซียย่ำแย่ลงจนถึงขั้น “ไม่ดีต่อสุขภาพ” หรือ “เป็นอันตรายอย่างยิ่ง” ขณะที่ท้องฟ้าเหนือกรุงกัวลาลัมเปอร์ก็มีหมอกควันปกคลุมหนาทึบ
รัฐซาราวักซึ่งตั้งอยู่บนเกาะบอร์เนียวก็เผชิญสถานการณ์หมอกควันย่ำแย่ไม่แพ้ที่อื่น ขณะที่ปัญหาไฟป่าเริ่มกระทบสัมพันธ์การทูตระหว่างอินโดนีเซีย, มาเลเซีย และบรูไน ซึ่งแชร์ดินแดนบนเกาะบอร์เนียว
โรงพยาบาลหลายแห่งในมาเลเซียมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่บ่นว่ามีอาการตาแห้งและระคายเคือง ขณะที่คุณภาพอากาศในสิงคโปร์ก็ย่ำแย่ถึงระดับที่ “ไม่ดีต่อสุขภาพ” ในเช้าวันพฤหัสบดี (19)
“ไฟป่าในอินโดนีเซียและปัญหาหมอกควันที่ตามมาส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการใช้ชีวิตของชาวอินโดนีเซีย รวมถึงประชาคมอาเซียน” มาซากอส ซุลกิฟลิ รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรน้ำสิงคโปร์ โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย
ปัญหาหมอกควันทำให้หลายฝ่ายเริ่มเป็นกังวลว่าการแข่งขัน ฟอร์มูลา วัน ที่สิงคโปร์ในวันอาทิตย์นี้ (22) อาจได้รับผลกระทบ
สนามบินหลายแห่งบนเกาะบอร์เนียวฝั่งอินโดนีเซียต้องปิดให้บริการชั่วคราวเนื่องจากทัศนวิสัยย่ำแย่ ขณะที่เที่ยวบินจำนวนมากถูกยกเลิกหรือเปลี่ยนเส้นทางไปลงจอดในเมืองอื่นๆ
รัฐบาลอิเหนาพยายามใช้เทคนิคการทำฝนเทียมที่เรียกว่า ‘cloud seeding’ เพื่อกระตุ้นให้ฝนตกลงมาดับไฟป่า แต่กว่าสถานการณ์จะคลี่คลายอย่างเป็นรูปธรรมก็อาจต้องรอจนเข้าสู่ฤดูฝนในช่วงเดือนตุลาคม