ชายชาวซิดนีย์คนหนึ่งถูกตั้งข้อหาทำร้ายร่างกายสตรีตั้งครรภ์รายหนึ่งในสิ่งที่ถูกอธิบายว่าเป็นการโจมตีของ “Islamophobic” ตามการเปิดเผยของสมาคมอิสลามของออสเตรเลีย
ภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นภาพที่น่าหวาดกลัวเมื่อชายคนหนึ่งเข้ามาใกล้โต๊ะของผู้หญิงสามคนที่สวมผ้าฮิญาบ ขณะที่พวกเขานั่งคุยกันที่ร้านกาแฟทางตะวันตกของเมืองเมื่อวันพุธ(20 พฤศจิกายน)
ดูเหมือนว่าจะไม่มีการยั่วยุใดๆ ในขณะที่คนร้ายเป็นชายวัย 43 ปีเดินปรี่ไปที่โต๊ะเพื่อโจมตีผู้หญิงอายุ 31 ปีซึ่งตำรวจระบุว่ามีครรภ์ 38 สัปดาห์แล้ว
หลังจากการชกต่อยอย่างบ้าคลั่งผู้หญิงคนนั้นล้มลงกับพื้น และแน่นิ่ง ก่อนที่จะมีพลเมืองดีเข้ามาช่วย
ตำรวจกล่าวว่าผู้ต้องสงสัยถูกตั้งข้อหาว่า “ทำร้ายร่างกายโดยมุ่งหวังที่ต้องการให้เกิดอันตราย” และคัดค้านการประกันตัว
พวกเขาปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแรงจูงใจของคนร้าย
สหพันธ์สภาอิสลามแห่งออสเตรเลีย (AFIC) กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่าชายคนนั้นได้ตระโกน “ข้อความที่แสดงความเกลียดชัง ต่อต้านอิสลาม ใส่หน้าเหยื่อและเพื่อน ๆ ของเธอ”
“นี่เป็นการโจมตีที่มีความต้องการแบ่งแยกชนชั้น และ Islamophobic อย่างชัดเจน” Rateb Jneid ประธาน AFIC กล่าว
“ถ้าไม่ใช่เพราะการกระทำที่กล้าหาญของพลเมืองดีของชุมชนในการหยุดการโจมตี เหยื่ออาจได้รับบาดเจ็บสาหัสมากขึ้น” Luke Sywenkyj ผู้ตรวจการตำรวจกล่าว
ผู้หญิงคนนั้นถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหลังจากการโจมตี และกลับมาพักต่อที่บ้าน ตามการเปิดเผยของตำรวจกล่าวเมื่อวันศุกร์
รายงานล่าสุดโดยนักวิจัยที่ Charles Sturt University พบว่า Islamophobia ในออสเตรเลียเป็น “ปรากฏการณ์ต่อเนื่อง” และสตรีที่คลุมฮิญาบจะเป็นกลุ่มเสี่ยงมากเป็นพิเศษ
จากเหยื่อหญิง 113 คนที่รายงานว่าถูกข่มขู่หรือคุกคามทางร่างกาย นักวิจัยพบว่าร้อยละ 96 สวมฮิญาบ
ที่มา กัฟนิวส์
