ชาวซีเรียมากกว่า 235,000 คนหนีออกจากภูมิภาคอิดลิบ ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาตามการเปิดเผยของสหประชาชาติเมื่อวันศุกร์ท่ามกลางการโจมตีที่รุนแรงขึ้นของระบอบบาชาร์ อัล-อัสซาด และรัสเซีย
เดอะเนชั่น UAE รายงานว่าการอพยพครั้งใหญ่เกิดขึ้นในระหว่างวันที่ 12 และ 25 ธันวาคมจากภูมิภาค Maaret Al Numan ที่เต็มไปด้วยความรุนแรงจนเกือบจะว่างเปล่า ตามการแถลงของสหประชาชาติ
ตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมกองกำลังติดอาวุธชีอะห์ที่ได้รับการสนับสนุนของรัสเซียได้โจมตีพื้นที่ตอนใต้ของอิดลิบ แม้จะอยู่ในพื้นที่ข้อตกลงหยุดยิงที่มีผลมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม และเรียกร้องให้มีการขยายข้อตกลงหยุดยิงเพิ่มขึ้นจากตุรกี, ฝรั่งเศส และสหประชาชาติ
การโจมตีทางอากาศที่เพิ่มขึ้นเกิดขึ้นเมื่อกองกำลังของรัสเซียได้สนับสนุนการโจมตีทางอากาศมากขึ้น
การโจมตีที่เริ่มขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคมมุ่งเป้ายึดเมือง และหมู่บ้านหลายแห่งจากกลุ่มนักรบฝ่ายต่อต้านที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจากทั้ง 2 ฝ่ายหลายร้อยคน
การทิ้งระเบิด และการโจมตีภาคพื้นดินได้เพิ่มจำนวนผู้อพยพพลัดถิ่นจาก Maaret Al Numan และเมืองใกล้เคียงอย่าง Saraqeb ในตอนใต้ของภูมิภาคอิดลิบตามรายงานของสหประชาชาติ
“ผู้คนจาก Saraqab และย่านชนบททางตะวันออกกำลังหลบหนีโดยคาดว่าจะมีผลกระทบโดยตรงต่อชุมชนของพวกเขาต่อไป” แถลงการณ์กล่าว
อิดลิบบางส่วนถูกปกครองโดย Hayat Tahrir Al Sham พันธมิตรอัลกออิดะห์ แต่การโจมตีหนักหน่วงขึ้นส่งผลให้กลุ่มนักรบในพื้นที่ร่วมกันต่อสู้กับการคุกคามของ “รัสเซีย” และระบอบการปกครองบาชาร์ อัล-อัสซาด
ในวันพฤหัสบดีประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ได้เตือนรัสเซีย, ซีเรีย และอิหร่าน ว่าอย่าสังหารพลเรือนในจังหวัดอิดลิบ และกล่าวว่าตุรกีกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อหยุดยั้งการสังหาร
“รัสเซียซีเรียและอิหร่านกำลังฆ่า หรือกำลังจะฆ่าคนนับพันในอิดลิบ มันต้องไม่เกิดขึ้น! ตุรกีกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อหยุดการสังหารนี้” ทรัมป์ผู้นำสหรัฐฯกล่าวในทวีต
นายอิบราฮีม คาลินโฆษกประจำตุรกีกล่าวเมื่อวันอังคารว่ารัสเซียจะทำงานเพื่อหยุดยั้งการจู่โจมในอิดลิบ หลังจากเจรจากับคณะผู้แทนตุรกีในมอสโก
ผู้นำสหรัฐฯ ได้แสวงหาความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับประธานาธิบดีตุรกี รอยับ ตอยยิบ ออโดกัน แม้ตุรกีเพิ่งส่งทหารโจมตีกลุ่มนักรบชาวเคิร์ดที่เป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ ตุรกีเพิ่งเข้าประจำการขีปนาวุธ S-400 ของรัสเซีย
