อิสราเอลออกกฎหมายเพิกถอนความคุ้มครอง สิทธิพิเศษของหน่วยงานผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา สภาเนสเซต (รัฐสภาอิสราเอล) ผ่านการพิจารณาร่างกฎหมายเบื้องต้นเพื่อเพิกถอนความคุ้มกันและสิทธิพิเศษที่มอบให้แก่หน่วยงานผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์แห่งสหประชาชาติ (UNRWA) ตามรายงานของสำนักข่าว Anadolu

ร่างกฎหมายดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ชาวปาเลสไตน์ สหประชาชาติ และหน่วยงานระหว่างประเทศ เรียกว่าเป็นการรณรงค์ของอิสราเอลในการรื้อถอนหน่วยงานของสหประชาชาติ

ร่างกฎหมายดังกล่าวซึ่งรู้จักกันในชื่อข้อบัญญัติว่าด้วยการคุ้มครองและสิทธิพิเศษแห่งสหประชาชาติ ได้รับการสนับสนุนในการพิจารณาเบื้องต้นด้วยคะแนนเสียง 58 ต่อ 6 เสียงในสภาเนสเซตที่มีที่นั่ง 120 ที่นั่ง สมัชชาระบุในถ้อยแถลง

“กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองและสิทธิพิเศษของสหประชาชาติ 1947 ให้อำนาจแก่รัฐมนตรีต่างประเทศในการออกคำสั่งที่ระบุว่าสหประชาชาติและเจ้าหน้าที่ขององค์การสหประชาชาติจะได้รับประโยชน์จากความคุ้มกันและสิทธิพิเศษต่างๆ” ร่างกฎหมายดังกล่าวระบุ

“ในบรรดาความคุ้มกันและสิทธิพิเศษ: ความคุ้มกันจากการถูกดำเนินคดี ความคุ้มกันของหอจดหมายเหตุและสำนักงานอย่างเป็นทางการ การยกเว้นหรือส่วนลดภาษี และภาษีทรัพย์สินของเทศบาล การยกเว้นข้อห้ามนำเข้าหรือส่งออก ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้และอื่นๆ”

ร่างกฎหมายดังกล่าวกล่าวหาว่า UNRWA และพนักงานมีส่วนสนับสนุนการโจมตีของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม และระบบการศึกษาของหน่วยงานสนับสนุน “การก่อการร้ายและความเกลียดชัง” โดยระบุว่าไม่มีที่ว่างสำหรับการให้สิทธิพิเศษและความคุ้มกันแก่หน่วยงานของสหประชาชาติและพนักงานขององค์การสหประชาชาติตามคำสั่งของสหประชาชาติ

อิสราเอลเชื่อมโยงเจ้าหน้าที่ UNRWA กับสมาชิกฮามาสหลายครั้งในเพื่อพยายามที่จะทำลายชื่อเสียงของหน่วยงานสหประชาชาติ ขณะเดียวกันก็อิสราเอลพยายามล็อบบี้อย่างหนัก เพื่อให้ UNRWA ปิดสำนักงานในปาเลสไตน์ เนื่องจากเป็นหน่วยงานเดียวของสหประชาชาติที่ได้รับมอบอำนาจเฉพาะในการดูแลความต้องการพื้นฐานของผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์

อิสราเอลอ้างเหตุผลว่า หากหน่วยงานดังกล่าวไม่มีอยู่แล้ว ปัญหาผู้ลี้ภัยก็จะต้องไม่มีอีกต่อไป และสิทธิอันชอบธรรมสำหรับผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในการกลับคืนสู่ดินแดนของตนก็ไม่จำเป็น อิสราเอลปฏิเสธสิทธิในการเดินทางกลับดังกล่าวนับตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1940 แม้ว่าการเป็นสมาชิกสหประชาชาติของอิสราเอลจะอยู่บนเงื่อนไขว่าผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์จะได้รับอนุญาตให้กลับบ้านและที่ดินของตนได้ก็ตาม

UNRWA ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในย่านชีคจาร์ราห์ ในเขตยึดครองเยรูซาเลมตะวันออก ปฏิเสธการสอบสวนของอิสราเอล

ในขณะที่สหประชาชาติยืนกรานที่จะคงการดำเนินงานของ UNRWA ไว้ แต่เมื่อไม่นานมานี้ อิสราเอลได้สนับสนุนให้สถาบันอื่นๆ เข้ามาแทนที่และชักชวนประเทศต่างๆ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ให้ยุติการให้ทุนสนับสนุนแก่หน่วยงานดังกล่าว ซึ่งนำไปสู่ภาวะขาดงบประมาณในการดำเนินการอย่างรุนแรง

UNRWA ก่อตั้งขึ้นตามมติของสหประชาชาติในปี 1949 และได้รับคำสั่งให้ให้ความช่วยเหลือและคุ้มครองผู้ลี้ภัยในพื้นที่ปฏิบัติการ 5 แห่ง ได้แก่ จอร์แดน ซีเรีย เลบานอน เวสต์แบงก์ และฉนวนกาซา

อิสราเอลยังคงโจมตีฉนวนกาซาอย่างโหดร้ายต่อไปภายหลังการโจมตีของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา แม้ว่าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจะมีมติเรียกร้องให้หยุดยิงทันที ก็ตาม

ตั้งแต่นั้นมา ชาวปาเลสไตน์มากกว่า 36,170 คนถูกสังหารในฉนวนกาซา ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก และอีกกว่า 81,400 คนได้รับบาดเจ็บ ตามการระบุของหน่วยงานสาธารณสุขท้องถิ่น

เกือบแปดเดือนหลังสงครามอิสราเอล พื้นที่อันกว้างใหญ่ของฉนวนกาซาพังทลายลง ท่ามกลางการปิดล้อมอาหาร น้ำสะอาด และยารักษาโรค

อิสราเอลถูกกล่าวหาว่าฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ซึ่งในคำตัดสินล่าสุดได้สั่งให้รัฐบาลอิสราเอลระงับปฏิบัติการในเมืองเราะฟะห์ทันที ซึ่งชาวปาเลสไตน์กว่าล้านคนได้ขอลี้ภัยจากสงครามก่อนที่จะถูกรุกรานในวันที่ 6 พฤษภาคม

ความคิดเห็น

comments