สภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ ได้ผ่านร่างกฎหมายกำหนดให้ผลิตภัณฑ์จากการตั้งถิ่นฐานของชาวอิสราเอลที่ผิดกฎหมายในดินแดนปาเลสไตน์เป็นของ “อิสราเอล” ซึ่งถือเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดที่อาจทำให้ชาวปาเลสไตน์และความพยายามในการตั้งรัฐปาเลสไตน์ตามแนวทางแก้ไขปัญหาของสหประชาชาติต้องตกที่นั่งลำบากยิ่งขึ้น
เมื่อวันพฤหัสบดี ร่างกฎหมายต่อต้านการติดฉลาก BDS ได้รับการอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎรของรัฐสภาสหรัฐฯ ด้วยคะแนนเสียง 231 ต่อ 189 โดยได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภาที่สนับสนุนอิสราเอลมากที่สุด ซึ่งรวมถึงสมาชิกพรรคเดโมแครต 16 คน
ร่างกฎหมายดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากคลอเดีย เทนนี่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกันแห่งนิวยอร์ก ซึ่งเป็นการฟื้นนโยบายที่เริ่มต้นจากรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หากบังคับใช้ ร่างกฎหมายจะกำหนดให้ติดฉลากผลิตภัณฑ์จากเขตเวสต์แบงก์และฉนวนกาซาที่ถูกยึดครองแยกกันแทนที่จะติดรวมกัน
แทนที่จะเขียนเป็นผลิตภัณฑ์จาก “เวสต์แบงก์และกาซา” สินค้าเหล่านี้จะถูกติดป้ายว่า “เวสต์แบงก์” หรือ “กาซา” ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วจะทำให้สูญเสียเอกลักษณ์ที่เป็นหนึ่งเดียวระหว่างดินแดนปาเลสไตน์ไป สินค้าจากเวสต์แบงก์ส่วนใหญ่ที่ถูกยึดครองจะถูกติดป้ายว่าเป็น “ผลิตภัณฑ์ของอิสราเอล” หรือ “ผลิตในอิสราเอล” เช่นกัน
การเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นความพยายามโดยตรงที่จะบ่อนทำลายความพยายามของชาวปาเลสไตน์ในการกำหนดทิศทางของตัวเองและก่อตั้งรัฐอิสระ ขณะเดียวกันก็บังคับใช้และเปิดไฟเขียวให้อิสราเอลผนวกดินแดนที่ถูกยึดครองอย่างผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การเคลื่อนไหวดังกล่าวยังมุ่งเป้าไปที่การกำหนดเป้าหมายและปราบปรามขบวนการคว่ำบาตร ถอนการลงทุน และคว่ำบาตร (BDS) เพื่อบังคับให้บุคคลและบริษัทต่างๆ ไม่คว่ำบาตรสินค้าที่ผลิตในอิสราเอลหรือนิคมที่ผิดกฎหมาย