ขณะที่ดวงอาทิตย์ตกเหนือย่านหนึ่งในเมืองเราะฟะห์ ซึ่งความรุนแรงทำให้พื้นที่แห่งนี้เหลือเพียงอาคารไม่กี่หลัง ชาวกาซาหลายร้อยคนทุกวัยต่างก็รับประทานอาหารอิฟตาร์(ละศีลอด)เพื่อเป็นการสิ้นสุดการถือศีลอดในวันนี้ ตามรายงานของ france24
“ผู้คนรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง และทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเราล้วนน่าเศร้าสลด” มาลัก ฟัดดา ผู้จัดงานรับประทานอาหารร่วมกันกล่าว
“ดังนั้น เราจึงตัดสินใจที่จะนำความสุขกลับคืนมาสู่ถนนสายนี้ เช่นเดียวกับก่อนเกิดสงคราม”
ขณะที่ฝูงชนนั่งลงรับประทานอาหาร ความไม่แน่นอนก็ปรากฏขึ้นเกี่ยวกับขั้นตอนต่อไปของการหยุดยิงในกาซา ซึ่งขั้นตอนแรกกำลังจะสิ้นสุดลงในวันเสาร์นี้ หลังจากยุติการสู้รบที่กินเวลานานกว่า 15 เดือนไปเกือบหมดแล้ว
ขั้นตอนที่สองคาดว่าจะปูทางไปสู่การยุติสงครามอย่างถาวร แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุป
เสียงที่ดังออกมาจากลำโพงดังไปทั่วฝูงชนในเมืองเราะฟะห์ ซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้พลาสติกยาวเป็นแถวใต้ธงปาเลสไตน์และไฟที่ห้อยอยู่ระหว่างพื้นคอนกรีตที่แตก
สงครามที่เริ่มต้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ทำให้อาคารในฉนวนกาซาได้รับความเสียหายหรือถูกทำลายมากกว่า 69 เปอร์เซ็นต์
การโจมตีหรือการสู้รบของอิสราเอลทำให้ประชากรเกือบทั้งหมดต้องอพยพและจุดชนวนให้เกิดความอดอยากอย่างกว้างขวาง ตามข้อมูลของสหประชาชาติ
การสงบศึกที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 19 มกราคมทำให้มีการส่งความช่วยเหลือเข้าสู่ดินแดนปาเลสไตน์ที่ถูกทำลายล้างได้มากขึ้น แต่ยังมีผู้คนหลายแสนคนที่ยังคงอาศัยอยู่ในเต็นท์ โดยหลายคนต้องตั้งค่ายพักแรมในซากปรักหักพังของบ้านเดิมของพวกเขา
“ในวันแรกของเดือนรอมฎอน เราหวังว่าจะได้กลับบ้านเพื่อละศีลอดกับครอบครัวและอยู่ร่วมกันที่บ้านของเรา” อุมม์ อัล-บารา อาบีบ ชาวเมืองเราะฟะห์ กล่าวกับ AFP
“แต่เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า และเรายังคงยืนหยัดอย่างมั่นคง” เธอกล่าวเสริม
ในเมืองเบต ลาเฮีย ทางตอนเหนือ ผู้คนจำนวนมากรวมตัวกันอย่างท้าทายในแสงยามเย็นที่ค่อยๆ จางลง เพื่อละศีลอดท่ามกลางซากอาคารที่พังถล่มลงมาครึ่งหนึ่ง
“เราอยู่ที่นี่ท่ามกลางการทำลายล้างและซากปรักหักพัง และเรายังคงยืนหยัดอย่างมั่นคง แม้จะเจ็บปวดและมีบาดแผลก็ตาม” โมฮัมหมัด อาบู อัล-จิดยาน กล่าว
“เรารับประทานอาหารอิฟตาร์บนผืนแผ่นดินของเรา และเราจะไม่ละทิ้งสถานที่แห่งนี้” เขากล่าวเสริม
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐอเมริกา ได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับการที่สหรัฐฯ จะเข้ายึดครองฉนวนกาซา โดยที่ชาวปาเลสไตน์จะถูกย้ายออกไปภายใต้แนวคิดดังกล่าว ซึ่งข้อเสนอนี้ได้รับการประณามจากทั่วโลก
ก่อนรุ่งสางในเมืองคาน ยูนิส ทางตอนใต้ ไฟเรืองแสงสีชมพู เหลือง และน้ำเงินส่องสว่างไปยังย่านที่ถูกทำลายจากสงครามเป็นส่วนใหญ่ โดยมีฝูงชนจำนวนหนึ่งมารวมตัวกันเพื่อรับประทานอาหารซูฮูร์ก่อนจะเริ่มต้นถือศีลอด
มีภาพวาดบนผนังด้านหนึ่งที่ยังคงเหลืออยู่ โดยมีข้อความว่า “รอมฎอนนำเราสามัคคีกัน” พร้อมพระจันทร์เสี้ยว
เมื่อวันก่อน เด็กๆ ได้แขวนโคมไฟรอมฎอนหลากสีสัน ธง และของตกแต่งระหว่างซากปรักหักพัง ขณะที่พ่อค้าแม่ค้าก็นำลูกโป่งและของเล่นสำหรับเด็กมาวางขาย
แต่ความสุขตามปกติของเดือนอันประเสริฐของชาวมุสลิมทำให้ผู้พลัดถิ่นฐานในกาซาจำนวนมากมีความหวังน้อยลง
“บางครั้งลูกๆ ของผมขอเสื้อผ้า และอาหารจากผม แต่ผมไม่สามารถหาเลี้ยงพวกเขาได้ เพราะผมตกงานมาหนึ่งปีครึ่งแล้ว” โอมาร์ อัล-มาดฮูน ชาวบ้านในค่ายจาบาเลียที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงทางตอนเหนือของกาซา กล่าว
“เรานั่งอยู่ท่ามกลางความหายนะ โดยไม่รู้ว่าจะจัดการชีวิตอย่างไร นอกจากนี้ เรายังกลัวว่าสงครามจะกลับมาอีกครั้ง ซึ่งจะนำมาซึ่งความหายนะมากขึ้น” เขากล่าวกับเอเอฟพีเมื่อวันศุกร์ ซึ่งเป็นวันที่ประกาศเริ่มต้นเดือนรอมฎอน
การโจมตีอิสราเอลของกลุ่มฮามาสที่ทำให้เกิดสงครามในฉนวนกาซาส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1,218 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ตามข้อมูลทางการของ AFP ขณะที่สื่ออิสราเอลรายงานว่าผู้เสียชีวิตเกือบทั้งหมดเกิดจากคมกระสุนของทหารอิสราเอลที่กราดยิงในช่วงเกิดเหตุ
การตอบโต้ของอิสราเอลทำให้มีผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซา 48,388 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก ตามข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขของดินแดนที่กลุ่มฮามาสควบคุม ซึ่งสหประชาชาติเห็นว่าตัวเลขดังกล่าวเชื่อถือได้
ในระยะแรกของการสงบศึก ฮามาสปล่อยตัวเชลยที่ยังมีชีวิตอยู่ 25 คน และส่งศพอีก 8 คนคืนให้อิสราเอล เพื่อแลกกับนักโทษชาวปาเลสไตน์มากกว่า 1,700 คน