แฉรัสเซียขนพลเรือนติดอาวุธ จ้างรบในซีเรีย

รายงานพิเศษของรอยเตอน์แฉพบกลุ่มพลเรือนชาวรัสเซีย มีพฤติกรรมน่าสงสัย เชื่อถูกส่งเข้าซีเรียเพื่อจับอาวุธร่วมรบช่วยค้ำเก้าอี้ระบอบบาชาร์ อัล-อัสซาด กลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านี้บินเข้า และออกจากกรุงซีเรีย ไปยัง ฐานทัพของหน่วยรบพิเศษในสังกัดกระทรวงกลาโหมรัสเซียในหมู่บ้านโมลคิโน(Molkino) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัสเซีย ทหารเฝ้าฐานทัพตอบงง “ไม่มีใครผ่านเข้ามา…เท่าที่ผมรู้…คุณอาจเห็นพวกเขา โอเค แต่คุณไม่ควรที่จะเชื่อไปทุกอย่าง…”

รอยเตอร์รายงานวันพุธ (25 เมษายน)ว่า รัสเซียได้ออกมาปฎิเสธถึงความเกี่ยวข้องจากการที่มีพลเรือนชาวรัสเซียรบอยู่ในซีเรีย แต่ทว่ารอยเตอร์รายงานโดยระบุว่ามีอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง ที่พบกลุ่มชายฉกรรจ์รัสเซียเดินทางเข้าและออกกรุงดามัสกัสของซีเรีย ไปยังหมู่บ้านโมลคิโน(Molkino) ดินแดนครัสโนดาร์ (Krasnodar Krai) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัสเซีย

ทั้งนี้จุดหมายปลายทางในซีเรียสำหรับพลเมืองรัสเซียที่เดินทางเข้าไปนั้น หาหลักฐานพิสูจน์ได้ยากมากถึงปฎิบัติการทางทหารของรัสเซียในซีเรีย ที่นอกเหนือไปจากการโจมตีทางอากาศ ทำการฝึกสอนให้กับกองทัพบาชาร์ และมีเพียงการยอมรับว่ามีหน่วยรบพิเศษของรัสเซียอยู่ในซีเรียเพียงจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น

ซึ่งก่อนหน้าในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย ดมิตรี เพสคอฟ เคยกล่าวว่า ถึงแม้จะมีพลเมืองรัสเซียสู้รบในสมรภูมิซีเรียอยู่จริง แต่ทว่าคนเหล่านี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังรบสหพันธรัฐรัสเซีย และยังได้บอกให้นักข่าวรอยเตอร์ไปสอบถามกับกระทรวงกลาโหมรัสเซียเอง เมื่อถูกตั้งคำถามว่า เหตุใดพลเรือนรัสเซียที่สู้รบในซีเรียเหล่านี้จึงเดินทางกลับไปยังฐานทัพในรัสเซียหลังจากนั้น

แต่ทางกระทรวงกลาโหมรัสเซียก็ไม่เคยชี้แจงในกรณีดังกล่าว

ในขณะที่เจ้าหน้าที่ซึ่งยังอยู่ในหน้าที่ประจำฐานทัพที่ตั้งของกองกำลังที่ 10 หน่วยรบพิเศษรัสเซียในโมลคิโน ที่ได้ถูกถามว่า เหตุใดบุคคลที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่กองทัพจึงสามารถผ่านเข้าไปด้านในได้ ซึ่งเขาตอบกลับมาว่า

“ไม่มีใครผ่านเข้ามา…เท่าที่ผมรู้…คุณอาจเห็นพวกเขา โอเค แต่คุณไม่ควรที่จะเชื่อไปทุกอย่าง ..บางทีคุณอาจทำได้..แต่ว่าเราจะสามารถให้ความเห็นต่อในสิ่งที่องค์กรอื่นกระทำได้อย่างไร”

ทั้งนี้พบว่ามีนักรบรับจ้างรัสเซียร่วม 2,000 คนที่ทำการสู้รบช่วยกองกำลังบาชาร์ อัล-อัสซาดในซีเรีย เพื่อยึดครองดินแดนส่วนต่างๆ ของซีเรีย ตามรายงานของแหล่งข่าวที่รวมไปถึงแหล่งข่าวที่เป็นนักรบรับจ้าง 1 รายที่ร่วมให้ข้อมูล

นักรบรับจ้างหรือ “คอนแทร็กเตอร์” เหล่านี้ถูกเคลื่อนย้ายโดยสายการบินสัญชาติซีเรีย ชาม วิงส์(Cham Wings)

นอกจากนี้นักข่าวรอยเตอร์ยังเป็นผู้พบเห็นเที่ยวบินจากเครื่องบินเช่าเหมาลำของสายการบินชาม วิงส์ ที่บินออกมาจากกรุงดามัสกัส ร่อนลงจอดที่ท่าอากาศยานพลเรือนในรอสตอฟ-ออน-ดอน( Rostov-on-Don) ของรัสเซีย เมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา

และพบว่ามีกลุ่มชายฉกรรจ์เดินออกมาจากเทอร์มินอลผ่านทางออกพิเศษ เป็นบริเวณทางออกที่ไม่ได้ใช้สำหรับผู้โดยสารพลเรือนคนอื่นๆใช้ตามปกติ

และกลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านี้ถูกแบ่งให้ไปขึ้นรถบัสจำนวน 3 คันซึ่งอยู่ในบริเวณที่ซึ่งใช้เฉพาะกับบรรดาเจ้าหน้าที่สนามบิน และมีกระเป๋าสัมภาระที่ถูกพบว่ามีจำนวนหลายใบที่เป็นลักษณะที่ใหญ่กว่ากำหนด และกลุ่มชายที่อยู่ในชุดพลเรือนออกมาจากรถบัส ทำการขนสัมภาระขึ้นรถ และกลับขึ้นรถไป

การติดตามของนักข่าวรอยเตอร์ยังพบว่า รถบัสทั้ง 3 คันได้เดินทางออกนอกสนามบินเพื่อมุ่งหน้าลงไปทางทิศใต้ มีรถบัส 2 คันจากทั้งหมดหยุดแวะที่คาเฟ่ข้างทาง ในขณะที่อีก 1 คันจอดบริเวณข้างถนนแทนสำหรับการหยุดพัก หลังจากนั้นรถทั้งหมดได้เดินทางเข้าไปยังหมู่บ้านโมลคิโน ห่างออกไปทางใต้ราว 350 กิโลเมตร ซึ่งเดินทางไปถึงไม่นานก่อนเวลาเที่ยงคืนเล็กน้อย

ซึ่งที่หมู่บ้านแห่งนี้ พบว่ารถบัสแต่ละคันใช้เวลาแค่ 1-2 นาทีที่จุดตรวจรักษาความปลอดภัยที่มีเจ้าหน้าที่รัสเซีย 2 นายประจำอยู่ ก่อนที่จะแล่นผ่านเข้าไปนาน 15-20 นาที และรถบัสเดินทางกลับออกมาผ่านทางด่านตรวจที่ในเวลานี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ทำงานอยู่แล้ว ซึ่งภาพจากดาวเทียมสาธารณะแสดงให้เห็นว่า ถนนเส้นที่ว่านี้ทำไปสู่ที่ตั้งทางการทหารของรัสเซีย

รอยเตอร์รายงานว่า รถบัสเดียวยังนำกลุ่มชายฉกรรจ์จากท่าอากาศยานที่เดียวกันนี้มายังโมลคิโนในวันที่ 25 มีนาคม และวันที่ 6 เมษายน ก่อนหน้ารอบล่าสุดนี้ด้วย

ซึ่งญาติ หรือเพื่อน หรือตัวนักรบรับจ้างชาวรัสเซียเอง ต่างเปิดเผยว่า พวกเขาถูกส่งเข้ารับการฝึกจากค่ายทหารภายในหมู่บ้านโมลคิโนนับตั้งแต่เมื่อครั้งที่คนเหล่านี้ได้ทำการสู้รบในทางภาคตะวันออกของยูเครนร่วมกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนยูเครน

ภายในที่ตั้งทางทหารนี้ พบว่ามีการปรับปรุงสนามฝึกซ้อมยิงใหม่เมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์ฝึกซ้อมปฎิบัติการทางทหารเพื่อต่อต้านการก่อการร้าย การใช้รถถังต่อสู้ การซุ่มยิงโดยสไนเปอร์ ตามการเปิดเผยจากเว็บไซต์ของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย

รอยเตอร์ได้ติดต่อไปยังบริษัทรถบัสที่นำกลุ่มชายฉกรรจ์ไปยังโมคิโน ซึ่งทางบริษัทยอมรับว่าได้ทำการให้เช่ารถไปจริง แต่ปฎิเสธที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงผู้ว่าจ้าง แต่หนึ่งในนั้นกล่าวว่า บางทีการเดินทางไปโมลคิโนอาจไปเพื่อตากอากาศก็เป็นได้

ซึ่งหนึ่งในรถบัสที่นำกลุ่มชายฉกรรจ์รัสเซียไปยังโมลคิโนเป็นรถบัสนีโอแพลนสีขาวอายุ 33 ปี พร้อมสโลแกนของบริษัทท่องเที่ยวติดอยู่ ถูกนำเข้ารัสเซียเมื่อปี 2007 และในตอนแรกถูกจดทะเบียนที่เมือง เพโครี(Pechory) ปัสคอฟ โอบลาสต์ (Pskov Oblast) ในขณะที่ ดมิทรี อุตคิน(Dmitry Utkin) ถูกยืนยันจาก 3 แหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ว่า เขาเป็นหัวหน้าหน่วยนักรบรับจ้างรัสเซีย ซึ่งก่อนหน้าเคยดำรงตำแหน่งในฐานะผู้บังคับบัญชาหน่วยรบพิเศษที่มีฐานตั้งอยู่ในเพโครี

การเปิดเผยดังกล่าวของรอยเตอร์สอดคล้องกับก่อนหน้านี้ที่ญาตของทหารรับจ้างชาวรัสเซียยืนยันว่า พี่ชายของตนเข้าไปทำงานเป็นทหารรับจ้างของรัสเซียในสังกัด กองกำลัง “Wagner” จริง ขณะที่แฟนสาวอีกรายรับว่าพวกเขารบเพื่อต้องการเงิน

โดย MEMO รายงานว่าน้องชายของหนึ่งในทหารรับจ้างที่ถูกสังหารในซีเรียบอกกับสถานีวิทยุ Al-Hurra ว่าพี่ชายของเขาเป็นชาวรัสเซียที่เดินทางไปจากชานกรุงมอสโก เมืองหลวงของรัสเซีย โดยเขาอยู่ในสังกัดหน่วยทหารรับจ้าง “ที่เข้าไปรบในซีเรียเพื่อเงิน และถูกส่งไปเพื่อฆ่า โดยรัสเซียได้จัดตั้งกองกำลังนักรบเอกชนภายใต้ชื่อ ‘Wagner’ และพี่ชายของเขาเป็นส่วนหนึ่งของมัน”

เขากล่าวเสริมอีกว่าพี่ชายของเขาเคยเข้าไปรบต่อสู้ในยูเครนตะวันออกในปี 2014 เป็นส่วนหนึ่งของกองกำลัง Slavonic ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นกองกำลัง “Wagner mercenary army” มีชาวรัสเซียหลายพันคนที่ต่อสู้กับหน่วยนี้และถูกสังหาร

“ทำไมรัสเซียจึงไม่จัดตั้งหน่วยรบพิเศษ และส่งเข้าไปในซีเรียแทนที่จะให้พี่ของเขาไปเป็นเหยื่อ?” ญาติที่ไม่ระบุชื่อกล่าว “การมีอยู่ของพวกเขาจะถูกปฏิเสธเมื่อพวกเขาถูกฆ่าตาย ประธานาธิบดีปูตินได้รับประโยชน์จากกองกำลัง Wagner ทำไมพวกเขาจึงไม่ได้รับการรับผลตอบแทนอย่างเปิดเผยจากสู้รบ แต่พวกเขากับถูกปฏิเสธการมีตัวตนอยู่ของพวกเขาเมื่อเขาบาดเจ็บ หรือตาย?”

เขายังกล่าวเสริมอีกว่าเขาเชื่อว่าจำนวนอย่างเป็นทางการของกองกำลังทหารรับจ้าง Wagner ที่เสียชีวิตที่แท้จริงจะมีมากกว่าที่ปรากฎเป็นข่าว

นอกจากนี้ตามการเปิดเผยของแฟนสาวของหนึ่งในทหารรับจ้างชาวรัสเซียที่ถูกฆ่าตายโดยกลุ่มดาอิชในซีเรียระบุว่า กองกำลัง “Wagner” ได้รับการฝึกรบในฐานทัพทหารใน Krasnodar และสัญญาว่าจะจ่ายเงินให้กับพวกเขาประมาณเดือนละ 4,000 เหรียญสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามเธอบอกว่าพวกเขาได้รับเงินจริงเพียงประมาณครึ่งหนึ่งเท่านั้น ขณะที่ถ้าหากพวกเขาถูกฆ่าตายในซีเรียทางการจะจ่ายเงินให้กับครอบครัวระหว่าง 22,500 เหรียญสหรัฐฯ ถึง 52,000 เหรียญสหรัฐฯ ขึ้นอยู่กับตำแหน่ง และภารกิจของพวกเขา

เธอยังกล่าวอีกว่าสัญญาที่นักรบเซ็นสัญญากับ ‘Wagner’ เป็นสัญญาที่น่าหวาดกลัว ซึ่งรวมถึงการห้ามสมาชิกในครอบครัวติดต่อกับเหล่าทหารรับจ้าง และห้ามเปิดโลงศพหลังถูกส่งกลับจากสนามรบ และระบุว่าพวกเขาถูกฆ่าเมื่อใด

เธออ้างอีกว่าได้รับแจ้งถึงการตายของแฟนหนุ่มของเธอเมื่อวันที่ 26 กันยายนโดย “แหล่งข่าว” ในประเทศซีเรีย แต่ยังไม่ได้รับร่างของเขาจนถึงขณะนี้ แม้ว่าเธอจะได้รับรู้ว่าสนามบินรอสตอฟได้รับโลงศพ 12 โลงเมื่อวันที่ 28 กันยายน และพวกเขาได้พบกับตัวแทนจากกองกำลัง Wagner แต่บรรดา เพื่อนและญาติ ๆ ก็ไม่ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการ

จดหมายฉบับสุดท้ายที่ครอบครัวของทหารรับจ้างได้รับคือวันที่ 13 กันยายนซึ่งเขาเขียนไว้ว่า “ผมยังมีชีวิตอยู่ แต่เราไม่สามารถออกไปได้ ทุกอย่างรอบตัวเราเต็มไปด้วยระเบิด”

เมื่อถูกถามว่าเหตุใดชาวรัสเซียจึงต้องรับจ้างเข้าไปรบในซีเรีย เธอกล่าวว่า “ประธานาธิบดีปูตินได้ประกาศว่าค่าครองชีพขั้นต่ำสำหรับชาว Rostov อยู่ที่ 33,000 รูเบิ้ล แม้ฉันเป็นพนักงานของรัฐ แต่ฉันมีรายได้เพียง 13,000 รูเบิ้ล ฉันจะมีชีวิตแบบนี้ได้อย่างไร?”

เธอสรุปได้ว่าเหตุผลในการกระทำเช่นนี้เพียงเพราะการต้องการเงินที่มากขึ้น

ความคิดเห็น

comments