สหรัฐฯ สั่งปิดสำนักงาน ‘PLO’ ในวอชิงตัน อ้างไม่ร่วมยิวสร้างสันติภาพ

สหรัฐฯ ประกาศจะปิดสำนักงานขององค์การปลดปล่อยปาเลสไตน์ (Palestine Liberation Organization – PLO) ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันจันทร์ (10 กันยายน) โดยอ้างปาเลสไตน์ปฏิเสธเข้าร่วมกระบวนการเจรจาสันติภาพกับอิสราเอลตามแบบที่สหรัฐฯต้องการ

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า PLO ไม่ให้ความร่วมมือทั้งกับสหรัฐฯ และอิสราเอล และยังปฏิเสธแผนสันติภาพของอเมริกาซึ่งจนบัดนี้ก็ยังไม่เห็นเป็นรูปเป็นร่าง

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ PLO คนหนึ่งยืนยันว่า พวกตนกำลังถูก ‘แบล็คเมล’ โดยวอชิงตันซึ่งลำเอียงเข้าข้างอิสราเอลอย่างโจ่งแจ้ง และสิ่งที่สหรัฐฯ ทำในวันนี้ถือเป็นการโหมกระพือความตึงเครียดอย่างน่าอันตราย

ฮีทเธอร์ เนาเอิร์ท โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ชี้ว่า สำนักงานการทูตของ PLO ได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษให้เปิดทำการต่อมาตั้งแต่เดือน พฤศจิกายนปีที่แล้ว เพื่อร่วมกันสร้าง “สันติภาพที่ยั่งยืนและครอบคลุมระหว่างชาวอิสราเอลและชาวปาเลสไตน์”

“อย่างไรก็ตาม PLO กลับไม่ดำเนินการใดๆ ที่จะนำไปสู่การเจรจาทางตรง และมีความหมายกับอิสราเอล”

เนาเอิร์ท ยังเอ่ยถึงกรณีที่ฝ่ายปาเลสไตน์พยายามยื่นฟ้องศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ให้เอาผิดเจ้าหน้าที่อิสราเอลฐานก่ออาชญากรรมสงคราม ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เห็นว่าละเมิดเงื่อนไขของการตั้งสำนักงานการทูต

โฆษกหญิงผู้นี้ยืนยันว่า สหรัฐฯ ไม่ได้มีเจตนาถอนตัวออกจากกระบวนการเจรจาสันติภาพยิว-ปาเลสไตน์

“สหรัฐฯ ยังเชื่อว่า การเจรจาทางตรงระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายคือทางออกเดียวที่มีอยู่ และคำประกาศของสหรัฐฯ ในวันนี้ไม่ควรตกเป็นเครื่องมือของผู้บ่อนทำลายที่พยายามขัดขวางการบรรลุข้อตกลงสันติภาพ”

คำสั่งปิดสำนักงานการทูต PLO ถือเป็นกลยุทธ์ล่าสุดที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ หวังจะใช้บีบปาเลสไตน์ให้ยอมเข้าสู่กระบวนการสันติภาพของสหรัฐฯ หลังจากที่สั่งตัดงบช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจแก่ปาเลสไตน์กว่า 200 ล้านดอลลาร์ และยังระงับเงินอุดหนุนที่จ่ายให้แก่หน่วยงานสหประชาชาติ (UNRWA) เพื่อช่วยเหลือผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ด้วย

ผู้นำปาเลสไตน์ชี้ว่ารัฐบาลทรัมป์ลำเอียงเข้าข้างอิสราเอล และตัดสินใจระงับการติดต่อกับวอชิงตันตั้งแต่ ทรัมป์ ประกาศรับรองนครเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงยิวเมื่อเดือน ธันวาคมปีที่แล้ว

สอิ๊ด เอเรกัต (Saeb Erekat) เลขาธิการใหญ่ PLO ออกมาแถลงตอบโต้สหรัฐฯ ว่า “นี่เป็นสิ่งยืนยันอีกครั้งว่ารัฐบาลทรัมป์มีนโยบายมุ่งเล่นงานชาวปาเลสไตน์แบบเหมารวม โดยเฉพาะการตัดงบอุดหนุนบริการด้านมนุษยธรรม เช่น สาธารณสุข และการศึกษา”

ด้าน ฮูซัม ซอมล็อต หัวหน้าคณะทูต PLO ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ชี้ว่า คำสั่งปิดสำนักงานการทูต PLO “ถือเป็นการข่มเหงรังแกและแบล็คเมล” และรัฐบาลสหรัฐฯ “ทำตามใบสั่งของอิสราเอลอย่างหน้ามืดตามัว”

ริยาด อัล-มัลกี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศปาเลสไตน์ ได้เดินทางไปศาลอาญาระหว่างประเทศ ICC ที่กรุงเฮกเมื่อเดือนพฤษภาคม เพื่อขอให้เริ่มสอบสวนอิสราเอลในประเด็นต่างๆ เช่น การขยายถิ่นฐานชาวยิวในเขตเวสต์แบงก์, การสังหารหมู่พลเรือนในสงครามกาซาเมื่อปี 2014 และอีกหลายกรณี

ในขณะที่สหรัฐฯ บอกให้ปาเลสไตน์ยอมเปิดเจรจาสันติภาพกับอิสราเอลอีกครั้ง แต่ทำเนียบขาวกลับยังไม่เปิดเผยรายละเอียดของแผนสันติภาพที่ ทรัมป์ มอบหมายให้บุตรเขยเชื้อสายยิวอย่าง เจเร็ด คุชเนอร์ เป็นผู้จัดทำ

จอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ ยืนยันเมื่อเมื่อวันจันทร์ (10) ว่า สหรัฐฯ ยังอยู่ระหว่างทบทวนแผนสันติภาพ ‘อันมีเป้าหมายสูงยิ่ง’ และจะเปิดเผยมันในเวลาที่เหมาะสมจริงๆ

แอรอน เดวิด มิลเลอร์ อดีตผู้เจรจาสันติภาพตะวันออกกลางซึ่งปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการโครงการตะวันออกกลางของสถาบันวิลสัน (Wilson Center) ออกมาตำหนิแนวทางของรัฐบาล ทรัมป์ อย่างรุนแรง

“ตลอด 40 ปีที่ผมติดตามนโยบายของสหรัฐฯ ทั้งจากภายในและภายนอกรัฐบาล (ผม) ไม่เคยเห็นรัฐบาลชุดไหนหนุนหลังอิสราเอลอย่างสุดลิ่มทิ่มประตูโดยไม่มีการตั้งคำถาม และกดขี่ชาวปาเลสไตน์อย่างหนักโดยไร้ตรรกะ เป้าหมาย และเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติเช่นนี้มาก่อนเลย” มิลเลอร์ ทวีตข้อความ

อย่างไรก็ดี โจนาธาน แชนเซอร์ รองประธานอาวุโสของมูลนิธิเพื่อปกป้องประชาธิปไตย (Foundation for Defense of Democracies) ซึ่งเป็นสถาบันคลังความคิดสายอนุรักษนิยม ชี้ว่า สภาคองเกรสกดดันให้มีการปิดสำนักงานการทูต PLO ในสหรัฐฯ มานานหลายปีแล้ว

“PLO เริ่มไม่มีประโยชน์ตั้งแต่มีการก่อตั้งองค์การบริหารปาเลสไตน์ (Palestinian Authority) ผู้นำของพวกเขามักต่อต้านการประนีประนอม” แชนเซอร์ อ้าง

ความคิดเห็น

comments