สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ออกคำเตือนเมื่อวันพุธว่าการผนวกดินแดนเวสต์แบงก์ที่ถูกยึดครองของอิสราเอลจะถือเป็นการข้าม “เส้นแดง” และจะยุติ “วิสัยทัศน์การบูรณาการระดับภูมิภาค”
“การผนวกดินแดนจะเป็นเส้นแดงสำหรับรัฐบาลของเรา และนั่นหมายความว่าจะไม่มีสันติภาพที่ยั่งยืน” ลาน่า นุสเซเบห์ ทูตพิเศษของเอมิเรตส์ กล่าวกับสำนักข่าว The Times of Israel
“นั่นจะปิดกั้นแนวคิดเรื่องการบูรณาการระดับภูมิภาคและจะเป็นการปิดฉากแนวทางแก้ปัญหาแบบสองรัฐ” เธอกล่าว
ในปี 2020 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ลงนามข้อตกลงที่สหรัฐฯ สนับสนุนกับอิสราเอลเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ ขณะเดียวกัน บาห์เรน ซูดาน และโมร็อกโกก็ได้ดำเนินการตามข้อตกลงดังกล่าวเช่นกัน
เบซาเลล สโมทริช รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของอิสราเอล กล่าวเมื่อเช้าวันพุธว่า อิสราเอลมีแผนจะผนวกพื้นที่เวสต์แบงก์ที่ถูกยึดครองกว่า 82% เพื่อป้องกันไม่ให้มีการจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์
“อำนาจอธิปไตยของอิสราเอลจะถูกใช้ครอบคลุมพื้นที่ 82 เปอร์เซ็นต์” สโมทริช หัวหน้าพรรคศาสนาไซออนิสต์ขวาจัด กล่าวในการแถลงข่าวที่กรุงเยรูซาเล็ม
รัฐมนตรีขวาจัดกล่าวว่าการผนวกดินแดนเวสต์แบงก์เป็น “ขั้นตอนป้องกัน” ต่อการเคลื่อนไหวของหลายประเทศที่ต้องการรับรองสถานะรัฐของปาเลสไตน์
ประเทศต่างๆ หลายประเทศ รวมถึงเบลเยียม ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร แคนาดา และออสเตรเลีย ได้ประกาศแผนการที่จะรับรองสถานะรัฐของปาเลสไตน์ในระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่จะมีขึ้นในวันที่ 8-23 กันยายนนี้ โดยเข้าร่วมกับอีก 147 ประเทศที่ได้ประกาศรับรองสถานะดังกล่าวแล้ว
เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม อิสราเอลได้อนุมัติโครงการตั้งถิ่นฐานขนาดใหญ่ที่เรียกว่า E1 ซึ่งมีเป้าหมายที่จะแบ่งเขตเวสต์แบงก์ที่ถูกยึดครองออกเป็นสองส่วน โดยแยกเมืองรามัลลาห์และนาบลัสทางตอนเหนือออกจากเบธเลเฮมและเฮบรอนทางตอนใต้ และแยกเยรูซาเล็มตะวันออกออกไป
ประชาคมระหว่างประเทศ รวมถึงสหประชาชาติ ถือว่าการตั้งถิ่นฐานของอิสราเอลเป็นสิ่งผิดกฎหมายภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ สหประชาชาติได้เตือนหลายครั้งว่าการขยายการตั้งถิ่นฐานอย่างต่อเนื่องเป็นภัยคุกคามต่อความเป็นไปได้ของแนวทางแก้ปัญหาแบบสองรัฐ ซึ่งถือเป็นกรอบการทำงานที่สำคัญในการแก้ไขความขัดแย้งระหว่างปาเลสไตน์และอิสราเอลที่ยืดเยื้อมานานหลายทศวรรษ
เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศประกาศว่าการยึดครองดินแดนปาเลสไตน์ของอิสราเอลเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และเรียกร้องให้มีการอพยพออกจากการตั้งถิ่นฐานทั้งหมดในเวสต์แบงก์และเยรูซาเล็มตะวันออก
