มฟน.แถลง 2 น.ศ.ถูกวิสามัญ ไม่เคยมีประวัติ ร้องสื่อเสนอข่าวอย่างเป็นธรรม

ความคืบหน้าเหตุการณ์ยิงปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงกับกลุ่มติดอาวุธต้องสงสัยที่ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี เมื่อช่วงเย็นถึงค่ำของวันพุธที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่าบรรยากาศยังคงตึงเครียด เพราะชาวบ้านในพื้นที่ยืนยันว่าผู้เสียชีวิตไม่ใช่กลุ่มก่อความไม่สงบ มหาวิทยาลัยแถลงยัน 2 นักศึกษาไม่เคยมีประวัติความมั่นคง และไม่เคยได้รับเตือนจากทางการ ขณะที่โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า สรุปยอดวิสามัญฆาตกรรม 4 ราย จับกุม 22 คน

พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน.) แถลงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 26 มี.ค.ว่า เหตุปะทะที่บ้านโต๊ะชูด ต.พิเทน อ.ทุ่งยางแดง มีผู้เสียชีวิต 4 รายและถูกควบคุมตัว 22 ราย พร้อมยึดอาวุธปืน 4 กระบอก

เหตุปะทะครั้งนี้สืบเนื่องจากมีแหล่งข่าวในภาคประชาชนแจ้งเบาะแสมาว่า มีกลุ่มก่อความไม่สงบรวมตัวเพื่อก่อเหตุในพื้นที่อำเภอทุ่งยางแดง โดยจะมีแผนบุกซุ่มยิงฐานปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ จึงได้สนธิกำลังเข้าไปพิสูจน์ทราบและตรวจค้น จนเกิดการปะทะดังกล่าว

จากการตรวจสอบประวัติผู้เสียชีวิตและผู้ถูกควบคุมตัว พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์รุนแรงในพื้นที่หลายเหตุการณ์ อีกทั้งบางคนยังอยู่ระหว่างการประกันตัวในคดีความมั่นคง และบางรายยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุลอบวางเพลิงโรงเรียน 6 แห่งในพื้นที่ อ.ทุ่งยางแดง และ อ.มายอ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 12 ต.ค.57 ด้วย

ตร.อ้างหนีได้ 4 – อีก 4 เป็นแนวร่วม 

ด้านความคืบหน้าทางคดี ได้มีการแยกผู้ต้องสงสัยที่ถูกควบคุมตัวทั้ง 22 ราย ไปส่งยังศูนย์ซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 และ 43 เพื่อสอบสวนขยายผล นอกจากนี้ยังได้มีการเก็บดีเอ็นเอเพื่อเทียบเคียงกับเหตุรุนแรงอื่นๆ ที่เคยเกิดขึ้นในพื้นที่ โดยในขั้นต้นจากการตรวจปัสสาวะ หลายรายพบสารเสพติด

ขณะที่ พล.ต.ต.กฤษกร พลีธัญญวงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า มีเบาะแสว่าผู้ต้องสงสัยไม่ต่ำกว่า 4 คนหลบหนีระหว่างเหตุปะทะ เพราะมีรอยเลือดหยดเป็นทางขึ้นไปบนภูเขา ส่วนในกลุ่มผู้ต้องสงสัย 22 รายที่ถูกควบคุมตัว เบื้องต้นมี 4 คนเป็นแนวร่วมกลุ่มก่อความไม่สงบ แต่ยังไม่มีประวัติถูกออกหมายจับในคดีความมั่นคง

ชาวบ้านโวยเหยื่อวิสามัญฯไม่ใช่แนวร่วม 

อย่างไรก็ดี มีข้อมูลอีกด้านจากในพื้นที่ว่า บรรดาญาติของผู้เสียชีวิตและคนในหมู่บ้านที่เกิดเหตุ ได้ไปรวมตัวกันที่โรงเรียนบ้านโต๊ะชูด ตำบลพิเทน อำเภอทุ่งยางแดง เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรม โดยอ้างว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 4 รายไม่ได้มีพฤติกรรมเป็นแนวร่วมกลุ่มก่อความไม่สงบ แต่เป็นลูกจ้างกรีดยางและช่างซ่อมบ้าน ส่วนบ้านที่เกิดเหตุเป็นของ นายกอเซ็ง เจ๊ะอาแว เป็นบ้านที่กำลังก่อสร้าง ขณะที่อาวุธปืนซึ่งพบข้างศพผู้ตายก็ไม่ใช่ปืนของผู้ตาย โดยญาติผู้เสียชีวิตหลายคนถึงกับร่ำไห้ด้วยความเสียใจ

ขณะเดียวกันมีเสียงวิจารณ์ในหมู่ชาวบ้านที่ทราบเหตุการณ์ว่า กลุ่มวัยรุ่นที่ถูกวิสามัญฆาตกรรมน่าจะกำลังดื่มน้ำกระท่อมกันอยู่ เมื่อเห็นตำรวจมาจึงวิ่งหนี จนไปเจอเจ้าหน้าที่ชุดลายพราง จึงเกิดยิงกันขึ้นจนมีผู้เสียชีวิต

ผู้ว่าฯปัตตานีรับเรื่อง-จ่อเยียวยา 

ต่อมา นายวีรพงค์ แก้วสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พร้อมด้วย นายเศวต เพชรนุ้ย นายอำเภอทุ่งยางแดง และ พันเอกชินกาจ รัตนจิตติ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ได้เดินทางเข้าพบและพูดคุยกับชาวบ้าน พร้อมรับเรื่องร้องเรียนเอาไว้ และสั่งให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมทั้งจะดูแลเรื่องการเยียวยาให้ดีที่สุด

มฟน.แถลง 2 นักศึกษาที่ถูกวิสามัญไม่เคยมีประวัติด้านความมั่นคง ร้องสื่อหลักเสนอข้อมูลอย่างเป็นธรรม

เว็บไซด์เฟสบุก Mazlan Muhammad เผยแพร่แถลงการณ์ของมหาวิทยาลัยฟาฎอนี ฉบับที่ 1 เรื่องการเสียชีวิตของนักศึกษาอันเนื่องจากการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ ยืนยัน 2 นักศึกษาที่ถูกวิสามัญไม่เคยมีหมายจับ ไม่เคยได้รับการเตือนจากฝ่ายความมั่นคง ร้องตั้งกรรมการสืบหาข้อเท็จจริง ให้สื่อนำเสนอข้อมูลอย่างเป็นธรรม

แถลงการณ์ มหาวิทยาลัยฟาฎนี ฉบับที่ 1
เรื่อง การเสียชีวิตของนักศึกษาอันเนื่องมาจากการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 25 มี.ค.58 เวลาประมาณ 17.20 น. มีการสนธิกำลังระหว่างฉก.ปัตตานี 25 นปพ. 431 ฉก ทพ.41 กำลังตำรวจจากสภ.ทุ่งยางแดง จนท.ฝ่ายปกครอง และ ทหารจากร้อย ร.35314 ฉก.ปัตตานี ได้เข้าปฏิบัติการตรวจสอบความผิดปกติในพื้นที่ ม.6 บ.โต๊ะชูด ต.พิเทน อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี การปฏิบัติการดังกล่าว ส่งผลให้มีการจับกุมประชาชนจำนวน 22 คน และวิสามัญฆาตกรรม จนมีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุจำนวน 4 ศพ โดยในจำนวนผู้เสียชีวิตนั้น มีนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยฟาฏอนี 2 คน คือ นายคอลิด สาแม็ง และนายมะดารี แม้เราะ โดยสื่อกระแสหลักได้มีการให้ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะว่าผู้เสียชีวิตเป็นผู้ก่อความไม่สงบระดับปฏิบัติการ (RKK) มีอาวุธและได้ทำการต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ ซึ่งข่าวดังกล่าวเป็นเท็จและได้ส่งผลกระทบต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต และ ภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัยเป็นอย่างมาก

มหาวิทยาลัยฟาฏอนี จึงขอเสนอข้อเท็จจริง เพื่อจะได้นำไปประกอบการพิจารณาคลี่คลายปัญหาข้อขัดแย้งที่ดำเนินอยู่และมีแนวโน้มที่จะลุกลามขยายตัวต่อไป ดังต่อไปนี้

1. นักศึกษาที่เสียชีวิตทั้ง 2 คน อยู่ระหว่างการศึกษาในชั้นปีที่ 4 ประวัติการศึกษาที่ผ่านมา ไม่ปรากฏพฤติกรรมที่ส่อไปในทางเป็นภัยต่อความมั่นคงและเป็นแนวร่วม RKK แต่อย่างใด และทั้งสองคนไม่เคยมีหมายจับในคดีความมั่นคงใดๆ และมหาวิทยาลัยไม่เคยได้รับหนังสือเตือนจากฝ่ายความมั่นคงที่ระบุว่านักศึกษาทั้งสองคนมีพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อความมั่นคง

2. เพื่อร่วมกันดำรงรักษาความปรองดองสมานฉันท์ในพื้นที่ตามนโยบาย คสช.และรัฐบาล มหาวิทยาลัยฟาฎอนี ขอให้มีการตั้งกรรมการกลางขึ้นสอบสวนและแสวงหาข้อเท็จจริงร่วมกัน โดยคณะกรรมการกลางฯดังกล่าวประกอบขึ้นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมีผู้เแทนมหาวิทยาลัยฟาฏอนีเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการกลางฯดังกล่าวด้วย เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงอันที่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย

3. ขอเรียกร้องให้สื่อมวลชนที่นำเสนอข่าวที่ได้ตรวจสอบแล้วอย่างเป็นกลางด้วยจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ งดการนำเสนอข่าวที่ส่งผลกระทบต่อครอบครัวผู้เสียหายและมหาวิทยาลัยในระหว่างที่ข้อเท็จจริงยังไม่มีการสรุป

4. ขอให้ทุกฝ่ายแสดงความจริงใจต่อการแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง และยึดมั่นนโยบายพระราชทาน “เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา” ซึ่งเป็นที่มาของนโยบาย “ทุ่งยางแดงโมเดล” อย่างเป็นรูปธรรม

5. มหาวิทยาลัยฟาฏอนี ขอยืนยันที่จะแก้ปัญหาโดยสันติวิธีที่สามารถสร้างความพึงพอใจแก่ทุกฝ่าย และเชื่อว่าสันติภาพจะเกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่มีความยุติธรรม การให้เกียรติ ความรอบคอบ ปราศจากอคติและผลประโยชน์ใดๆทับซ้อน

ด้วยความจริงและสันติภาพ
มหาวิทยาลัยฟาฏอนี
27 มีนาคม พ.ศ. 2558

ความคิดเห็น

comments

ใส่ความเห็น